ซอกซอนตะลอนไป (18 กุมภาพันธ์ 2567)
มหาราชา-นาวาบ-และนิซาม คนแปลกคน(ตอน7)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ประวัติศาสตร์ก่อนอินเดียได้เอกราชระบุว่า นิซามแห่งไฮเดอร์ราบัด เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของอินเดีย และ ของโลก
การเริ่มต้นของตำแหน่ง นิซาม ที่แปลว่า ผู้บริหารของอาณาเขต มาจาก อาซซาฟ จาห์ ที่ 1 (ASAF JAH I) หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิ ฟาร์รุคห์สิยาร์ ของราชวงศ์โมกุล ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการของที่ราบสูงเดกคาน ในช่วงปี 1700 เศษๆ
จนเมื่อจักรพรรดิออรังเซป สิ้นพระชนม์ในปี 1724 บรรดาโอรสของออรังเซปต่างก็สู้รบเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ อำนาจของโมกุลจึงเริ่มอ่อนแอลง ไหนยังจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างนักรบแห่งอาณาจักร มารัทธา เป็นคู่แข่งอีก ความมั่นคงของราชวงศ์โมกุลก็โยกคลอนอย่างน่าใจหาย
บรรดาเจ้าผู้ครองนครต่างๆจึงเริ่มแข็งข้อ กระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมส่งเครื่องบรรณาการมาให้เช่นที่เคยทำ
เช่นเดียวกัน ผู้สำเร็จราชการแห่งที่ราบสูงเดกคานก็ค่อยๆถอยห่างออกมา และ แยกตัวเป็นอิสระออกจากราชวงศ์โมกุลอย่างช้าๆ กล่าวคือ นิซามแห่งไฮเดอร์ราบัด ไม่เคยประกาศตนเป็นเอกราชต่อราชวงศ์โมกุลในช่วงแรกเริ่ม คงเพราะยังคงเกรงกลัวในอำนาจดั่งเดิมอยู่
จนกระทั่งเมื่อโมกุลหมดอำนาจลงจริงๆ ผู้สำเร็จราชการแห่งที่ราบสูงเดกคานจึงประกาศตนเป็น นิซามแห่งไฮเดอร์ราบัด พระองค์แรก มีพระนามว่า นิซาม อาซซาฟ จาห์ ที่ 1 นับตั้งแต่นั้นมา
จากนิซามคนแรกในปี 1724 เรื่อยมากจนกระทั่งตำแหน่งนิซาม แห่งไฮเดอร์ราบัดถูกยกเลิกไปหลังที่อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 มีผู้ดำรงตำแหน่งนิซาม 7 คน
ด้วยทำเลที่ตั้งของอาณาจักรไฮเดอร์ราบัดที่ถือว่าโชคดีมากๆ เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่ามหาศาลใต้ดินอย่างเหลือคณานับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพชร ซ้ำยังเป็นเพชรที่มีคุณภาพดียิ่งของโลกอีกด้วย และเป็นที่มาของความมั่งคั่งของนิซามในเวลาต่อมา
เหมืองเพชรที่ว่านี้ก็คือ เหมืองโกลคอนดา(GOLCONDA MINES) ซึ่งเป็นเหมืองเพชรแห่งเดียวในโลกยุคศตวรรษที่ 18
นิซาม ทุกพระองค์ครอบครองความมั่งคั่งเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เพราะเพชรทุกเม็ดที่ถูกขุดขึ้นมาได้ ล้วนเป็นสมบัติของนิซามทั้งสิ้น ประชาชนคนอื่นๆไม่มีสิทธิ์
ไม่ต่างอะไรจากเหมืองเกลือของยุโรปในช่วงใกล้เคียงกัน ที่ราชวงศ์ของยุโรปจะผูกขาดการเป็นเจ้าของเหมืองเกลือเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เพราะเกลือในยุคนั้น มีค่าและราคาประหนึ่งทองคำ
จึงมักจะมีการเรียกขาน “เกลือ” ว่า ทองคำสีขาว
โดยเฉพาะเหมืองเกลือของราชวงศ์ฮับเบิร์ก ของออสเตรีย ที่ผูกขาดมากเป็นเวลาช้านาน อาจจะถูกแบ่งย่อยออกไปบ้างไปให้แก่ผู้มีอำนาจจากศาสนจักรโรมันคาธอลิค
ศาสนจักรที่เป็นเจ้าของเหมืองเกลือในออสเตรียก็คือ อาร์ค บิช้อปแห่งซาลส์เบิร์ก ผู้มีอำนาจควบคุม และ บังคับบัญชาบรรดาพระต่างๆในสังกัดในอาณาเขตควบคุมดูแลของตนเอง คล้ายๆกับ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ของไทยประมาณนั้น
ความมั่งคั่งร่ำรวยของอาร์ค บิชอป ของซาลส์เบิร์ก ที่มาจากเหมืองเกลือ และผู้ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากก็คือ อาร์ค บิช้อป วูล์ฟ ดีทริช วอน ไรเทเนา ที่มีฉายาว่า เจ้าชายบิช้อป
ด้วยความร่ำรวยแบบไม่บันยะบันยังของพระองค์ ทำให้ความสมถะของการเป็นพระของพระองค์ถูกเย้ายวนด้วยกิเลสอย่างหนัก
พระองค์แอบมีภรรยาลับ ทั้งๆที่เป็นข้อห้ามของศาสนจักรคาธอลิค จนมีลูกด้วยกันนับสิบคน
ว่าจะเล่าเรื่อง นิซามแห่งไฮเดอร์ราบัด ไหงมาถึงเรื่อง อาร์คบิช้อปแห่งซาลส์เบิร์กได้
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ