ซอกซอนตะลอนไป (17 กันยายน 2566)
มัมมี่คืนชีพ(ตอน3)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
หลังการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุนในเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 1922 จนกลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ทำให้โฮเวิร์ด คาร์เตอร์(HOWARD CARTER) นักโบราณคดีชาวอังกฤษผู้ค้นพบ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในทันที
สื่อมวลชนยกย่องว่า เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่สุดในศตวรรษที่ 20
ก่อนหน้านั้น ออกุส มาเรียส(AUGUST MARIETTE) นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ค้นพบโบราณสถานหลายแห่งในอียิปต์ร่วม 100 แห่ง อาทิ บริเวณสุสานซัคคารา วิหารเอ็ดฟู และ เป็นผู้ผลักดันให้มีการสร้างพิพิทภัณฑ์อียิปต์ที่ไคโร จนสำเร็จในปี 1901
เขาได้รับการยกย่องว่า เป็นบิดาแห่งวิชาโบราณคดีอียิปต์ ซึ่งได้วางรากฐานที่สำคัญให้แก่การศึกษาโบราณคดีอียิปต์ตราบจนทุกวันนี้
รวมถึง ฌอง ฟรองซัวร์ ชองโปลิยอง (JEAN FRANCOIS CHAMPOLLION) มนุษย์คนแรกที่ไขความลับวิธีการอ่านภาษาโบราณเฮียโรกลิฟส์ซึ่งถือเป็นภาษาที่ตายแล้ว โดยศึกษาจากศิลาจารึก โรเซตต้า ของอียิปต์จนสามารถอ่านบันทึกอียิปต์โบราณทั้งหมดที่มีอายุ 5 พันปีขึ้นไปได้ ซึ่งทำให้โลกได้รู้ว่า ชาวอียิปต์โบราณมีชีวิตอย่างไร
หลังอียิปต์ได้อิสรภาพจากอังกฤษในปี 1952 พัฒนาการของวิชาโบราณคดีในอียิปต์ก็ค่อยๆดีขึ้น และ บุคลากรพื้นเมืองชาวอียิปต์ก็เริ่มจะมีความรู้ความชำนาญในการขุดค้นมากขึ้น
และพวกเขาเริ่มมองไปที่จุดหมายของการมีชื่อเสียงระดับโลก เหมือนเช่นที่นักโบราณคดีชาวอังกฤษ และ ฝรั่งเศส เคยทำมาก่อน
ในช่วง 4-5 ปีหลังนี้ เริ่มมีการขุดค้นในบริเวณซัคคารา ซึ่งเป็น “เมืองคนตาย” หรือ สุสานของชาวอียิปต์มาตั้งแต่เมื่อร่วม 5 ปีที่แล้ว โดยนักโบราณคดีชาวอียิปต์มากขึ้น และ มีผลงานที่น่าประทับใจด้วยการค้นพบสุสานที่มีมัมมี่ในโลงศพอยู่นับสิบโลง
ชุดแรกที่ค้นพบ นักโบราณคดีสรุปว่า เป็นสุสาน และ มัมมี่จากยุคปโตเลมี หรือ ยุคกรีกที่เข้าปกครองอียิปต์ ตั้งแต่ปี 332 จนถึง 30 ปีก่อนคริสตกาลที่มีพระนางคลีโอพัตรา ที่ 7 เป็นผู้ปกครองคนสุดท้าย มีเมืองอเล็กซานเดรีย ที่ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เหนือสุดของอียิปต์เป็นเมืองหลวง
ทำให้เห็นว่า เมืองซัคคารา ยังคงถูกใช้งานให้เป็นสุสานของฟาโรห์ตามประเพณีความเชื่อโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ประมาณ 3100 ปีก่อนคริสตกาล หรือ ประมาณ5000 ปีที่แล้ว
นั่นยอมหมายถึง เมืองเมมฟิส ซึ่งเป็น “เมืองคนเป็น” ยังคงถูกใช้งาน หรือ อย่างน้อยก็มีประชาชนอาศัยอยู่ และ อาจจะเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีราชาภิเษกของฟาโรห์ด้วย แม้กระทั่งในยุคกรีก
การค้นพบดังกล่าวเป็นแรงผลักดันสำคัญให้นักโบราณคดีเชื้อสายอียิปต์ ทำการขุดค้นขยายวงเพื่อค้นหาสิ่งเร้นลับที่ถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน
ในที่สุดเขาก็มาพบหลุมฝังศพเพิ่มเติม และ กำลังขุดค้นบริเวณที่สันนิษฐานน่าจะเป็นพีระมิดอีกองค์หนึ่ง ที่อยู่ไม่ห่างจากพีระมิดแบบขั้นบันไดเท่าไหร่นัก
บริเวณดังกล่าว ถูกเรียกขานว่า บูบาสทิอุม(BUBASTEUM) หรือ บูบาสเทียน
ชื่อดังกล่าว มีที่มาจากชื่อของเทพธิดาของศาสนาอียิปต์โบราณที่เรียกว่า บาสเตต (BASTET) ซึ่งเป็นเทพธิดาที่มีศรีษะเป็นแมว ตัวเป็นผู้หญิง
ในพิพิทภัณฑ์ไคโร มีมัมมี่ของสัตว์หลายชนิด ทั้งที่แป็นสัตว์เลี้ยง และ สัตว์ป่า เช่น จรเข้ งู รวมทั้ง แมว จัดแสดงอยู่ สร้างคำถามให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวจำนวนมากว่า
ทำไมชาวอียิปต์โบราณจึงต้องทำมัมมี่แมว และ สัตว์เหล่านี้เอาไว้ด้วย
ผมเฉลยคำถามนี้ในตอนต่อๆไปครับ
สนใจเดินทางเจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน กับผม ระหว่างวันที่ 7-16 ธันวาคม และ 8-17 กุมภาพันธ์ 2567 ติดต่อสอบถามได้โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498 รับจำนวนจำกัด 20 ท่านเท่านั้น
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ