ซอกซอนตะลอนไป (14 พฤษภาคม 2566)
พระอาทิตย์ตกของตระกูลคานธี(ตอน 1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ในปีค.ศ. 2019 อินเดียมีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(LOK SABHA)จากทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวน 543 คน
เป็นการต่อสู้กันของ 2 พรรคการเมืองใหญ่สองพรรคของอินเดีย พรรคแรกก็คือพรรคภารติยะ ชนะตะ(BJP) นำโดยนายนเรนทรา โมดี(NARENTRA MODI) ซึ่งชนะเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งก่อนของปีค.ศ. 2014 กับพรรคอินเดียน เนชั่นนัล คองเกรส(INC) ที่นำโดย นางโซเนีย คานธี

(นางโซเนีย คานธี พบปะกับ ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิยยู บุช – ภาพจากวิกิพีเดีย)
การเลือกตั้งครั้งปีค.ศ. 2014 เป็นชัยชนะของพรรค BJP ที่สามารถกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้มากถึง 282 คน จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 534 ที่นั่ง ในขณะที่ พรรคคองเกรสได้รับเลือกเข้ามาเพียง 59 ที่นั่งเท่านั้น
ทั้งๆที่ นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกของอินเดียในปีค.ศ. 1951-1952 พรรคคองเกรส ครองเสียส่วนใหญ่ของสภามาแทบจะตลอด
หลังจากความพ่ายแพ้ในปี 2014 นางโซเนีย คานธีก็วางมือให้ ราหุล ลูกชายขึ้นมาสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคคองเกรสแทน โดยมีภาระในการเป็นหัวหอกในการต่อสู้ทางการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของปี 2019 ซึ่งเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของพรรค

(นายเนห์รู , อินทิรา คานธี , ซานเจย์ และ ราจีฟ คานธี ครอบนักการเมืองที่ครอบครองพรรคคองเกรสมายาวนาน-ภาพจากวิกิพีเดีย)
นายราหุล คานธี เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขนักการเมืองจากตระกูลคานธี เขาเป็นลูกของ ราจีฟ คานธี กับ โซเนีย ซึ่งมีเชื้อสายอิตาเลี่ยน , ราจีฟ คานธี เป็นลูกของนางอินทิรา คานธี ราจีฟจึงมีศักดิ์เป็นหลานตาของนาย เยาวะหะราล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย
การเลือกตั้งของปี 2019 เป็นภาระขนาดใหญ่ที่ถูกโยนลงบนบ่าของราหุล เพราะคะแนนนิยมของ นเรนทรา โมดี กำลังพุ่งแรง ด้วยเพราะนโยบายเชิดชูแนวคิดชาวฮินดูของเขา ซึ่งแตกต่างจากนโยบายของพรรคคองเกรส ที่สนับสนุนชาวมุสลิมเป็นหลัก

(เนห์รู และ มหาตะมะ คานธี ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในปัจจุบันว่า เอาใจชาวมุสลิมมากกว่าชาวฮินดู- ภาพจากวิกิพีเดีย)
แนวคิดนี้ เริ่มมาแต่สมัยของ นายเยาวะหะราล เนห์รู และ มหาตะมะ คานธี ในยุคที่ยังเป็นกลุ่ม อินเดียน เนชั่นแนล คองเกรส ที่ต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษก่อนหน้าปีค.ศ. 1947 แล้ว
การต่อสู้รณรงค์เพื่อการเลือกตั้งทั่วไป สำหรับคนหนุ่มที่ไม่ยังไม่มีประสบการณ์ และ เขี้ยวเล็บที่แกร่งพออย่างนายราหุลนั้น เป็นเรื่องไม่ง่าย

(ถนนที่นางอินทิรา คานธีเดินในเช้าวันที่ถูกทหารองค์รักษ์ยิงเสียชีวิต ปัจจุบันถูกปิดด้วยกระจก – ภาพจากวิกิพีเดีย)
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปีค.ศ. 1984 นางอินทิรา คานธี ย่าของเขา และ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นถูกทหารรักษาความปลอดภัยชาวซิกห์ 2 คนสังหาร ว่ากันว่า เพื่อแก้แค้นในภารกิจของนางที่เรียกว่า ปฎิบัติการณ์ดาวสีน้ำเงิน(OPERATION BLUE STAR) ในการโจมตีวิหารทองคำ ในเมืองอัมริตสาร์ รัฐปัญจาบ
ราจีฟ คานธี จึงขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อในทันที
หลังจากนั้น วันที่ 21 พฤษภาคมปีค.ศ. 1991 ในขณะที่นายราจีฟ คานธี กำลังออกหาเสียงช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคคองเกรสในรัฐทมิล นาดู ที่หมู่บ้าน ศรีเพอรุมบูเดอร์ ไม่ไกลจากเมืองมัดดาส(MADRAS) หรือ เชนไน(CHENNAI) ในปัจจุบันเท่าไหร่นัก
เขาถูกระเบิดพลีชีพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำทีจะเข้ามาทักทาย แล้วกดระเบิด ทำให้ ราจีฟ คานธี เสียชีวิตในทันที
วันแห่งการสูญเสียวันนั้น ราหูล คานธีมีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น ถือว่ายังอ่อนด้อยประสบการณ์ทางการเมืองมาก

เหตุการณ์ของตระกูลคานธีจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามอ่านในตอนต่อไป