ทริปชิมอาหารอร่อย(4)

ทริปชิมอาหารอร่อย(4)

โดย       เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ

               มื้อเที่ยงวันนี้(21 พค 2561) เราเลือกร้าน คามอน  บนชั้นที่ 17 ของโรงแรมอิมพีเรียล   เป็นอาหารสไตล์ เทปปันยากิ

               การทานอาหารในร้านนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเข้าไปนั่งในร้านแล้วก็ทานๆๆๆ เสร็จแล้วก็จ่ายเงินแล้วก็เดินออกมาเหมือนร้านอาหารทั่วๆไป   แต่มันประกอบด้วยการการแสดงที่ประณีต และงดงามในการปรุงอาหารที่มีต้องใช้ความชำนาญด้วย


(บรรยากาศภายในร้าน  ที่สงบ สะอาด)

               เมื่อแรกเข้าไปในร้าน   เราจะเห็นเพียงโต๊ะที่ว่างเปล่า    กะทะแผ่นเหล็กที่ใช้สำหรับปรุงอาหารที่ถูกทำความสะอาดอย่างดียิ่ง  และ ที่นั่งของลูกค้าอยู่รายรอบ  ในบรรยากาศเรียบง่าย  สะอาด  ไม่มีกลิ่นของห้องครัวเลยแม้แต่น้อย 

               ผสมผสานกับทัศนียภาพของเมืองโตเกียวเบื้องล่างแล้ว   ทำให้บรรยากาศรื่นรมย์เป็นอย่างยิ่ง  


(ชุดตะเกียบและผ้าเช็ดปาก)

               หลังจากพนักงานเสริฟนำเรามานั่งที่โต๊ะ  และมอบเมนูอาหารให้เราเรียบร้อย   ก็ให้เวลาเราสักครู่ในการอ่านและตัดสินใจ  จากนั้นก็มารับออเดอร์


(เชฟจะนำเสนอสิ่งที่เขาจะปรุงให้ลูกค้าได้ชมเสียก่อน)

               ผมสั่งซีฟู้ดซึ่งประกอบด้วย ล็อบสเตอร์ หอยเป๋าฮื้อสด เป็นอาหารจานหลัก ส่วนท่านอื่นก็สั่งอาหารจานหลักเป็นเนื้อพรีเมี่ยมโกเบ ที่มีมันแทรกในเนื้อเป็นลายหินอ่อน


(ของดิบประกอบด้วย  หอยเป๋าฮื้อ  กั้ง และ ก้ามปู) 

               หลังจากสั่งเรียบร้อย   เจ้าหน้าที่ก็จะนำเอาอาหารสดที่เราสั่งออกมาวางที่โต๊ะปรุงอาหาร  จากนั้น  ผู้แสดงหลักของร้านก็คือ เชฟ ก็เดินออกมา  เพื่อทำหน้าที่แสดงบทบาทของเขา


(ของดิบสำหรับผู้ทานเนื้อ 5 A )

               เรียกว่า  ทั้งซาบซึ้งในวิธีการทำ  ก่อนที่จะซาบซึ้งในรสชาติกันเลยทีเดียว

               ผมสั่งอาหารชุดแบบ ซีฟู้ด  ซึ่งจานแรกจะเป็น ซุปเย็นกรีนพี หรือ ถั่วลันเตา  รสชาติกลมกล่อมไม่เค็มเกินความจำเป็น   จากนั้นจะเป็นสลัดปลาซัลมอนรมควัน


(ซุปถั่ว)

(สลัดปลาซัลมอนด์)

               ในขณะที่หากใครสั่งเนื้อ  อาหารจานแรกก็จะแตกต่างออกไป 

               จากนั้น   เชฟ ก็จะแสดงทุกขั้นตอนของการปรุงอาหารต่อหน้าลูกค้าทันที 

               หลังจากซุป และ สลัดผ่านไป  เชฟก็ทำการปรุงอาหารจานแรก คือ หอยเป๋าฮื้อ

               เชฟจะแล่ส่วนเนื้อของหอยแยกออกมา  โดยที่ยังเหลือส่วนที่เรียกว่าเอ็นหอยให้ติดอยู่กับเปลือกหอย    จากนั้น   ก็จะเอาเปลือกหอยมาปิ้งบนกระทะเหล็ก  ค่อยๆปิ้งช้าๆ  ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายอย่างยิ่ง

               เมื่อปิ้งได้ที่ดีแล้ว   ก็จะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆบนกระทะ แล้ววางบนขนมปังปิ้ง ข้างๆจะมีสลัดผักและเห็ด ราดด้วยไข่หอยเม่นแล้วราดซ้อสลงไปให้ลูกค้าทานก่อน 

               จากนั้นก็จะตามมาด้วย  เนื้อเป๋าฮื้อ 

               เครื่องปรุงรสที่ใช้จะมีเพียง เกลือ และ พริกไทยเท่านั้น  เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติของอาหารทะเลโดยตรง  โดยไม่มีกลิ่น และ รสชาติของเครื่องปรุงอย่างอื่นมาแทรกแต่อย่างใด 

               เกลือที่ใช้ก็เป็นเกลือคุณภาพ  มีหลากหลายสีตามแต่ละภัตตาคารจะใช้กัน  เช่น สีชมพู  สีขาว เป็นต้น 

               จานต่อไปก็คือ  ล็อบสเตอร์  ก้ามปู  โปะหน้าด้วยหอยเม่นดิบ ราดด้วยซ็อสหอมกลิ่นล็อบสเตอร์ 

               หลังจากวางวัตถุดิบบนกระทะให้เห็นแล้ว   เชฟก็จะเริ่มแสดงการปรุงบนกระทะอย่างช้าๆ   ส่งกลิ่นหอมอบอวล

               เมื่อปิ้งจนได้ที่แล้ว  ก็จัดวางลงในชาม   แล้วราดด้วยซ้อส   อาหารจานนี้  จะทานร่วมกับข้าวสวย  ผักดอง  และ ซุปมิโสะ  

               ข้าวจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาดสำหรับอาหารญี่ปุ่น   เพราะชาวญี่ปุ่นจะต้องทานข้าวทุกมื้อ  ไม่เช่นนั้น   เขาจะไม่รู้สึกว่าอิ่ม    

               สำหรับผู้ที่สั่งเนื้อวากิว 5 เอ    เชฟจะทำการแล่เอาเฉพาะส่วนมัน ออกจากเนื้อเสียก่อน   จากนั้นก็ทำการหั่นส่วนมันออกเป็นชิ้นเล็กๆ  แล้วปิ้งบนกระทะร้อนจนกระทั่งมันไหม้เรียมด้านนอก  และ หดตัวลง

               จากนั้นก็จะผัดรวมกับถั่วงอก

               สำหรับส่วนเนื้อ   เขาจะปรุงบนกระทะร้อนปานกลาง ปิ้งให้สุกตรงขอบนอก   แต่ตรงกลางยังเป็นเนื้อแดง เพื่อให้ผู้ทานยังรับรสชาติของเนื้ออย่างเต็มที่

               มันที่ผัดกับถั่วงอกจะวางเสริฟในจานเนื้อ  ดูแล้วน่าทานไปอีกแบบ 

               เมื่อถึงจานสุดท้าย คือ  ของหวาน   เขาจะเชิญให้ไปนั่งอีกห้องถัดไป  เพื่อลดกลิ่นปิ้งย่างลง

               ของหวานมีให้เลือก 5 อย่าง ซึ่งเลือกทานได้ทุกอย่าง มีผลไม้สด มูสมัชชะ ออเรนเจอรี่ กับ เค็ก 2 ชนิด และ ชาหรือกาแฟ

               อร่อย และ อิ่มแบบพอดีๆ เพื่อเตรียมท้องไว้ทานอาหารมิชิลินในตอนเย็นวันนี้ต่อไป

               อาหารมื้อนี้ราคา 70000 เยน หรือประมาณ 21000 บาท ตกคนละประมาณ 7 พันบาท

               เป็นอีกร้านที่ขอแนะนำ อยู่ชั้น 17 ของโรงแรมอิมพีเรียลครับ

               พบกันใหม่ตอนอาหารมื้อเย็นนะครับ

Posted in สัพเพเหระ.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *