ซอกซอนตะลอนไป (10 มิถุนายน 2561 )
ระทึกกับเที่ยวบิน UA560(ตอน1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ค่ำคืนของวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 ผมและเพื่อนมีโปรแกรมต้องบินจากซาน ฟรานซิสโก ไปยัง ลอส แองเจลิส ด้วยสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UA 560 เวลา 20.58 น. และจะถึง ลอส แองเจลิส เวลาประมาณ 22.33 น.
พวกเรารีบเดินทางไปถึงสนามบินเวลาประมาณ 18.00 น. ด้วยเกรงว่าจะมีปัญหา
แล้วเค้าลางของปัญหาก็เริ่มขึ้น
เมื่อทำการเช็คอิน ตั๋วด้วยเครื่องอัตโนมัต ก็ปรากฏว่า “บัตรโดยสารขึ้นเครื่องบิน หรือ BOARDING PASS” ที่ได้มานั้น ไม่มีหมายเลขที่นั่งระบุบนบัตรโดยสาร ทั้งๆที่เป็นตั๋วเครื่องบินแบบ ยืนยันที่นั่งเรียบร้อย ไม่ใช่ตั๋ว STANDBY แบบต้องมารอเสี่ยงดวงตอนเช็คอิน
แต่ตรงจุดที่ระบุหมายเลขที่นั่งนั้น ปรากฏตัวหนังสือว่า SEE AGENT ซึ่งหมายถึงให้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ของสายการบินด้านใน
จะให้ไปพบทำไม
พลันภาพของนายแพทย์ชาวเวียตนามที่ถูกถูลู่ถูกังลากลงไปจากที่นั่งบนเครื่องบินของสายการบินของอเมริกาสายหนึ่ง จนหัวร้างข้างแตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเรา
หรือคราวซวยจะมาเยือนเราซะแล้ว
เพื่อความปลอดภัยว่าจะได้ไม่ถูกลากลงจากเครื่องบิน เราก็จึงคิดว่า น่าจะต้องทำให้ได้ที่นั่งแบบระบุที่นั่งแน่นอนเสียก่อน มีสองวิธีก็คือ ขออัพเกรดขึ้นไปนั่งชั้นธุรกิจซึ่งจะแพงมาก อาจจะอยู่ที่ 100 เหรียญขึ้นไป หรือ อีกวิธีหนึ่งก็คือ ขอเลือกที่นั่งตรง LONG LEG ซึ่งผู้โดยสารจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม
(LONG LEG ก็คือแถวที่นั่งที่มีพื้นที่วางเท้าของผู้โดยสารกว้างกว่าแถวที่นั่งปกติ)
เพื่อว่าสายการบินจะออกหมายเลขที่นั่งให้เราได้ และเป็นการประกันว่า เราจะได้เดินทางในเที่ยวบินนี้แน่นอน โดยไม่ถูกไล่ลงก่อน
พวกเราเลือกอันหลัง ซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกคนละ 30 ดอลลาร์ หรือประมาณ 900 บาทเศษ
ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่า กำลังข่มขู่ คุกคาม ปล้น ให้หยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วควักเงินจ่ายให้กับสายการบินโดยที่เราไม่ยินยอม แต่ไม่มีทางเลือก
เมื่อได้หมายเลขที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปรอเพื่อจะขึ้นเครื่องที่ประตูทางออก รอจนกระทั่งเลยเวลาที่เครื่องบินควรจะออกเดินทางได้แล้ว ในที่สุด เจ้าหน้าที่ของสายการบินก็ประกาศว่า
เนื่องจากพนักงานของสายการบินเติมน้ำมันให้เครื่องบินมากเกินไป ทำให้เครื่องไม่สามารถจะบินได้ จนกว่าจะดูดน้ำมันส่วนเกินออกไปเสียก่อน
เอากับเขาซิ
โดยปกติ เครื่องบินจะเติมน้ำมันให้เพียงพอแค่บินไปถึงปลายทางเท่านั้น อาจจะเผื่อเหลืออีกเล็กน้อยในกรณีจะต้องบินวนรอคิวที่จะลงจอด หากเติมน้ำมันมากเกินไป ก็อาจจะเป็นอันตรายในตอนลงจอดก็ได้
ปรากฏว่า ผู้โดยสารรอแล้วรออีก ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ในที่สุดเจ้าหน้าที่สายการบินก็ประกาศอีกว่า เนื่องจากทั้งสนามบินซาน ฟรานซิสโก ไม่มีเครื่องดูดน้ำมันเลยแม้แต่เครื่องเดียว จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเครื่องบิน โดยผู้โดยสารจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ประตูทางออกอื่น ซึ่งบังเอิญอยู่คนละฝากกันเลยทีเดียว
ในระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ของสายการบินก็วุ่นอยู่กับเรื่องการจัดการกับผู้โดยสารที่รับมาเกินจำนวนที่นั่ง ซึ่งก็วุ่นวายพอสมควร และดูเหมือนว่า ในที่สุดก็มีผู้โดยสารบางคนยินยอมที่จะรับเงินชดเชยเพื่อแลกกับการเลื่อนเดินทางไปด้วยเที่ยวบินถัดไป
แกคงไม่อยากถูกลากลงไปจากเครื่องบินเหมือนนายแพทย์ชาวเวียตนามกระมัง
โชคดีที่พวกผมไม่ถูกเรียกไปเจรจาเพื่อให้รับเงินชดเชยดังกล่าว
แม้ว่าการรับจองผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินนั้น จะเป็นเรื่องที่ทุกสายการบินมักจะปฎิบัติกัน จะมากจะน้อยก็ตามแต่นโยบาย แต่วิธีการในการบริหารจัดการกับผู้โดยสารเกินจำนวนนั้น ก็น่าจะกระทำด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมกว่าที่เป็นข่าวที่นายแพทย์ชาวเวียตนามถูกกระทำ
ผมมานึกว่า หากเราไม่ไปจ่ายเงินค่าที่นั่ง LONG LEG อีกคนละ 30 ดอลลาร์ตั้งแต่ต้น ก็ไม่แน่เหมือนว่า เราอาจจะถูกปรับออกจากเครื่องบินลำนี้ก็ได้
สรุปก็คือ อย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาดในการนั่งเครื่องบินของสายการบินใดๆในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าตั๋วโดยสารของคุณจะได้รับการยืนยันแน่นอนตอนซื้อว่า “CONFIRMED” คุณอาจจะถูกไล่ออกจากเครื่องบินเมื่อใดก็ได้
เราใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเศษเดินจากประตูขึ้นเครื่องบินด้านหนึ่งไปยังประตูขึ้นเครื่องบินใหม่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของอาคาร ระหว่างนั้นก็ได้รับอีเมล์จากสายการบินระบุว่า เครื่องบินขอเลื่อนเวลาออกเดินทางใหม่ไปเป็น 22.00 น. หรือ 4 ทุ่มตรง
ล่าช้าไปกว่าเวลาเดิมประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
แต่เรื่องระทึกใจของเที่ยวบิน UA 560 ยังไม่จบแค่นี้ครับ
รออ่านตอนหน้านะครับ