ซอกซอนตะลอนไป (23 เมษายน 2560 )
ถูกและดี ของฟรี ไม่มีในโลก(ตอน 2)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
สมมติว่า ใครสักคนต้องการจะหลอกเงินชาวบ้านด้วยการใช้เรื่องท่องเที่ยวมาเป็นตัวล่อ ลองคิดดูว่าเขาจะทำอย่างไร
วิธีการก็ง่ายๆ เหมือนวิธี “ตกทอง” ในยุคโบราณ
จากข้อมูลหลายแหล่งที่ผมได้ทราบจากผู้เกี่ยวข้องในวงการทัวร์พบว่า ขั้นต้นก็ทำทัวร์ออกมาในขายในราคาถูกมากๆเสียก่อน โดยพยายามทำเป็นระบบสมาชิก เพื่อให้สมาชิกเป็นคนไปบอกต่อๆ
ราคาทัวร์ที่ทำออกมาขายนั้น จะถูกอย่างไม่น่าเชื่อ จนแม้กระทั่งบริษัททัวร์ด้วยกันเอง ก็คิดไม่ออกว่า จะทำให้ราคาทัวร์ถูกได้มากขนาดนั้นได้อย่างไร
ประมาณว่า ทัวร์ยุโรป 8 วัน 5 คืน หมายถึงพักโรงแรม 5 คืน ก็ขายในราคาประมาณ 5 หมื่นบาทได้ และคุณภาพก็ไม่แย่เลย
นี่คือ เบ็ดที่เกี่ยวเหยื่อแล้ว
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มีใครยอมเฉือนเนื้อตัวเองให้คนอื่นกิน หรือขายของในราคาขาดทุนให้คนอื่นไปเที่ยวโดยไม่หวังผลอะไรเลย
คนที่ซื้อทัวร์ตอนแรกๆและได้ไปเที่ยวจริง ก็จะรู้สึกว่าเป็นทัวร์ราคาถูก และ ไว้ใจได้ ไม่โกง จึงเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจ และมีการบอกต่อๆกันไป
ปลากินเหยื่อ
นี่คือพลังของการโฆษณาที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะคนที่บอกต่อคนอื่นก็คือเพื่อน เพื่อนก็มักจะคิดว่า เพื่อนเราคงจะไม่หลอก แต่เพื่อนอาจจะได้ค่าคอมมิชชั่น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่เพื่อนก็อาจจะไม่รู้ว่า กำลังเริ่มถูกเขมือบ
เมื่อเพื่อนจองทัวร์จ่ายเงิน แล้วสามารถเดินทางไปเที่ยวจนกลับมาได้ เพื่อนก็ยิ่งมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งช่วยป่าวประกาศให้เพื่อนๆมาเที่ยวกันต่อๆไปอีก
ลองไปดูประวัติของการฉ้อโกง ไม่ว่า จะเป็นแก้งค์โชกุน , แก้งค์ประมูลทองคำ และ แม้กระทั่ง ขบวนการหลอกขายไมโลอัดเม็ด ก็ล้วนมาจากคนที่ไว้ใจเป็นคนชักชวนทั้งนั้น
ทัวร์ประเภทนี้ จะขายดีมากขึ้นเรื่อยๆจะสามารถขายทัวร์ไปล่วงหน้าจนถึงปีหน้าแล้วด้วยซ้ำ
เป็นเรื่องน่าแปลกใจมากสำหรับคนวงการทัวร์ว่า ทำไม จึงกล้าขายทัวร์ล่วงหน้าไปเป็นปีเช่นนี้
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่า ค่าโรงแรมในปีหน้า เดือนนั้นเดือนนี้ จะมีราคาเท่าไหร่ จะขึ้นหรือลง ค่ารถบัสในปีหน้า จะขึ้นหรือลงตามราคาของน้ำมันที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ รวมทั้งราคาตั๋วเครื่องบินที่จะผกผันตามฤดูกาล ความต้องการของนักท่องเที่ยว และ ราคาค่าน้ำมัน
ที่สำคัญก็คือ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆที่ต้องใช้ในการคิดคำนวณเป็นเงินไทย จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างไรในช่วงปีหน้า
แค่อัตราแลกแปลี่ยนเงินแพงขึ้น จาก 1 ยูเอสดอลลาร์เท่ากับประมาณ 35 บาทในปีนี้ มาเป็น 36.5 บาทในปีหน้า เพิ่มขึ้นดอลล่าร์ละ 1.50 บาท แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว
ลองคิดดู หากเขาสามารถขายทัวร์ได้ล่วงหน้า เดือนละแค่ 10 ทัวร์เท่านั้น หนึ่งปีก็จะขายได้ประมาณ 120 ทัวร์ สมมติให้มีลูกทัวร์กรุ๊ปละ 30 คน ทั้งปีก็จะขายได้ประมาณ 3600 คน
สมมติให้ขายทัวร์ในราคาคนละ 5 หมื่นบาท เขาก็จะได้เงินสดมาอยู่ในมือล่วงหน้าเป็นปีประมาณ 180 ล้านบาท
แล้วจะเอาเงิน 180 ล้านบาทนี้ไปทำอะไร ฝากธนาคารหรือ คงไม่คุ้มเพราะดอกเบี้ยต่ำมาก
คำตอบก็คือ เอาไปทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ ส่วนจะเป็นธุรกิจอะไรก็ลองเอาไปคิดดูครับ
แต่ถ้าทัวร์ที่ว่านี้ เกิดหายตัวไปเฉยๆ คงจะเป็นเรื่องโหลาหลขนาดใหญ่ในวงการทัวร์แน่นอน และคงหนีไม่พ้นที่กระทรวงท่องเที่ยวจะตัดสินใจให้บริษัททัวร์ต้องเพิ่มเงินค้ำประกันจาก 2 แสนมาเป็น 5 แสนบาทจนได้
แบบนี้เขาเรียกว่า คนดีเดือดร้อน คนชั่วลอยนวล
ผมไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเลยครับ สวัสดี