ซอกซอนตะลอนไป (23 ธันวาคม 2559 )
ไต้หวัน เมื่อจำต้องใช้นโยบายเปิดประเทศ(ตอน 4)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
จะว่าไปแล้ว การที่อาณาจักรญี่ปุ่นเข้ามายึดครองไต้หวัน ระหว่างปี ค.ศ.1895 จนถึงปีค.ศ. 1945 ถือเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกของประชาชนบนเกาะฟอร์โมซาให้ยาวนานไปอีกหลายปี
การแตกแยกของประชาชนบนเกาะฟอร์โมซา แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ ระหว่างชนชาวจีนที่มาจากแผ่นดินใหญ่จีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง กับ ชนพื้นเมืองที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา และ ชาวญี่ปุ่นที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะฟอร์โมซา ในช่วงราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง
สิ่งที่อาณาจักรญี่ปุ่นต้องการอย่างมากจากเกาะฟอร์โมซา ก็คือ ไม้หอม หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า ฮิโนกิ(HINOKI) หรือ ต้นสนในตระกูลไซเปรส (CYPRESS) ซึ่งเรียกว่า TAIWANIA และบังเอิญว่า ต้นสนชนิดนี้มีอยู่บนภูเขาแถบภาคใต้ของเกาะฟอร์โมซาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบนเขาอาลีซาน ใกล้เมืองเจียอี้(CHIA-I)
ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงเข้ามากอบโกยทรัพยากรไม้เหล่านี้กลับไปประเทศตัวเองกันขนานใหญ่ โดยอาจจะตอบแทนชาวพื้นเมืองด้วยทรัพย์สินเงินทองเล็กๆน้อยๆ และทำให้ชาวพื้นเมืองมีความรู้สึกที่ดีต่อชาวญี่ปุ่น หรือ อาจจะรู้สึกว่าชาวญี่ปุ่นเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขาด้วยก็ได้
ทำให้ประชาชนครึ่งภาคใต้ของไต้หวันนับตั้งแต่เมืองไถจงลงไปโดยประมาณ มีความนิยมต่อชาวญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ
เรื่องนี้ก็คงจะไม่ต่างจากจากเมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว ที่ชาวตะวันตกเข้ามาตัดไม้สักจากเมืองไทยแล้วขนกลับบ้านกันอย่างมโหฬาร โดยที่คนไทยเราก็ยังรู้สึกภูมิใจว่า สินค้าส่งออกสำคัญของไทยคือ ไม้สัก และอาจจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อพวกฝรั่งที่มาขนทรัพยากรของเราออกไปด้วยซ้ำ โดยแลกกับเศษเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่า อาณาจักรญี่ปุ่นได้สร้างประโยชน์ให้แก่เกาะไต้หวันเช่นกัน เพราะได้นำเอาการขนส่งระบบรางมาใช้ในไต้หวัน แม้จะเริ่มต้นรถรางที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยแรงคนหรือสัตว์ แต่ก็เป็นการวางรากฐานของรถไฟบนเกาะไต้หวันในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ก่อตั้งธนาคารแห่งไต้หวันขึ้น โดยเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่าง บริษัทมิตซูบิชิ กับ มิตซุย กรุ๊ป ซึ่งนำความเจริญก้าวหน้าทางการเงิน การธนาคารมาสู่ไต้หวัน
นี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนชาวไต้หวันส่วนหนึ่งมีความนิยมชมชอบต่ออาณาจักญี่ปุ่น
จนเมื่อ นายพล เจียง ไค เช็ค นำพลพรรคประมาณ 2 ล้านคนไปตั้งหลักปักฐานบนเกาะไต้หวัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปีค.ศ. 1949 ขณะนั้น อาณาจักรญี่ปุ่นได้ถอนตัวออกไปจากเกาะไต้หวันประมาณ 4 ปีแล้ว
การปกครองคนในประเทศที่ก่อตั้งใหม่ ที่มีความแปลกแยกกันทางความคิดอย่างสุดขั้วแบบนี้ เป็นเรื่องไม่ง่าย
ด้วยเหตุที่เจียง ไค เช็ค ได้นำผู้คนประมาณ 2 ล้านคนมาปักหลักในภาคเหนือของเกาะที่เมืองไทเป อาจเป็นเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า ผู้คนทางเหนือของไต้หวันมีใจฝักใฝ่ต่อจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งง่ายต่อการกลมกลืน และ และปกครอง
แต่กับผู้คนทางใต้ ซึ่งมีความผูกพันกับอาณาจักรญี่ปุ่น และ น่าจะมีผู้คนเชื้อสายญี่ปุ่นอาศัยอยู่มาก คงไม่ง่ายที่เจียง ไค เช็ค จะปกครองภาคใต้ได้อย่างราบรื่น
ดังนั้น ในประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งที่มิได้บันทึกของไต้หวัน แต่มีผู้รู้เล่าให้ฟังก็คือ รัฐบาล เจียง ไค เช็ค ต้องใช้อำนาจกำปั้นเหล็กในการปราบปรามผู้ที่ไม่ยอมรับ และพวกที่แข็งขืนต่อต้านรัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋งอย่างหนัก
ว่ากันว่า มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นบาดแผลในจิตใจของผู้คนทางใต้ที่ผูกใจเจ็บต่อรัฐบาลของพรรคกั๊ว มิน ตั๋ง เรื่อยมาแม้จนทุกวันนี้ก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น การที่รัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋ง ได้ประกาศว่า ชื่อของประเทศว่า “ประเทศสาธารณะรัฐจีน มณฑลไต้หวัน” (แปลจากชื่อของประเทศที่ประกาศเป็นภาษาจีน แต่ไม่ปรากฎในชื่อในภาษาอังกฤษ) เท่ากับว่า รัฐบาลเจียง ไค เช็ค ยอมรับว่า ไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่
ไม่รู้ว่าเป็นแนวนโยบายยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่จีน หรือ เจียง ไค เช็ค หวังลึกๆว่า สักวันหนึ่ง จะนำทัพกลับไปยึดจีนแผ่นดินใหญ่กลับคืนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน
จึงได้ผูกมัดแผ่นดินใหญ่จีน กับ ไต้หวัน เสียขนาดนี้
พบกันใหม่สัปดาห์ครับ
สนใจเดินทางท่องเที่ยวไต้หวัน อิหร่าน และ อียิปต์ ในช่วงฤดูหนาวนี้ เชิญติดต่อ บริษัท ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ จำกัด โทร 02 651 6900