ซอกซอนตะลอนไป (18 พฤศจิกายน 2559 )
อียิปต์-ดินแดนมหัศจรรย์ แสนลึกลับ(ตอน 4)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
วิหารเอ็ดฟู สร้างเพื่อถวายแด่เทพฮอรัส ตามที่ผมได้พูดถึงไปในสัปดาห์ที่แล้ว
ตามตำนานเทพของอียิปต์โบราณบอกว่า เทพเจ้า “รา” มีโอรส 2 องค์ คือ โอไซริส(OSIRIS) และ เซธ(SETH) กับ ธิดา 2 องค์ คือ ไอซิส(ISIS) และ เนฟธิส(NEPHTHYS)
(เทพโอไซริส)
(เทพีไอซิส)
โอไซริส ขึ้นปกครองแผ่นดินอียิปต์ และ สมรสกับ เทพีไอซิส ซึ่งเป็นผู้หญิงสวย ในขณะที่ เซธ แต่งงานกับเทพีเนฟธิส ซึ่งสวยน้อยกว่าไอซิส ทำให้เซธเกิดความริษยา ต่อโอไซริส ซึ่งเป็นพี่ชาย
(เทพเซธ)
(เทพีเนฟธิส)
เซธ จึงลอบสังหารโอไซริส หลายครั้ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีจับถ่วงน้ำ หรือ ตัดร่างกายเป็นชิ้นๆ แล้วโปรยปรายไปทั่วทั้งแผ่นดินอียิปต์ แต่ทุกครั้ง ไอซิส ผู้เป็นมเหสีก็จะออกบินด้วยปีกนกออกตามหาร่างของสามี และใช้เวทมนต์ของนางชุบชีวิตสามีให้ฟื้นขึ้นมาทุกครั้งไป
ด้วยเหตุนี้ เทพีไอซิส จึงมีฐานะเป็นเทพีแห่งการปกปักรักษาฟาโรห์ ปักปักรักษามัมมี่ของฟาโรห์ ปกปักรักษาอวัยวะภายในของฟาโรห์ และ ปกปักรักษาวิหารทุกแห่งในอียิปต์ด้วย
เทพีไอซิสตั้งท้อง เมื่อถึงเวลาคลอดก็เกรงว่า เทพเซธจะตามมาทำร้ายลูกของตัวเอง จึงแอบไปคลอดในพงหญ้า และฝากให้เทพีฮาร์ธอร์ เทพีที่มีร่างกาย หรือ ศรีษะเป็นวัว และ เป็นเทพีแห่งการเป็นแม่ เป็นผู้ดูแล
เทพฮอรัส ซึ่งเป็นเทพหัวนกอินทรี จึงเติบโตขึ้นมาด้วยน้ำนมของเทพีฮาธอร์
(เทพฮอรัส)
(เทพีฮาธอร์ ที่อยู่ในรูปของมนุษย์ มีเขาบนศรีษะ)
เมื่อเทพฮอรัสเติบโตเป็นหนุ่ม เขาก็กลับมาทำสงครามกับเทพเซธ เพื่อแก้แค้นให้กับบิดาของเขา ฉากการทำสงครามระหว่างเทพทั้งสององค์นั้น ถูกบันทึกเอาไว้บนผนังกำแพงภายในวิหารเอ็ดฟู
เป็นผลงานการแกะสลักที่สวยงามแปลกตาไปจากศิลปะของอียิปต์แท้ๆ เพราะมีส่วนผสมของศิลปะของกรีกเข้ามาด้วย
ตำนานกล่าวว่า การสู้รบกันระหว่างเทพฮอรัส กับ เทพเซธ ซึ่งต่อสู้กันบนเรือในแม่น้ำไนล์ ไม่อาจรู้แพ้รู้ชนะกันได้
บนกำแพงวิหาร จะแสดงภาพของเทพฮอรัส มีร่างกายเป็นคน แต่มีศรีษะเป็นนกอินทรี ยืนอยู่บนเรือ ในขณะที่เทพเซธ จะอยู่ในรูปของฮิปโปโปเตมัส อยู่ใต้น้ำ
(เทพฮอรัส สวมมงกุฎ ยืนอยู่บนเรือ ในขณะที่ฮิปโปฯ กำลังอยู่ในน้ำ (วงกลมสีแดง)
ทำไมต้องเป็นฮิปโปฯ
สันนิษฐานว่า ฮิปโปฯ เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายในยุคเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้วในอียิปต์
ผลของสงครามครั้งนี้ แม้เทพเซธ จะไม่ตาย แต่ก็พ่ายแพ้ ในขณะที่ เทพฮอรัส ต้องเสียตาไปข้างหนึ่ง ซึ่งต่อมา ตาของฮอรัส ก็ได้กลายเป็นตาศักดิ์สิทธิ์ที่ ผู้ตายต้องใช้ในการอ่านเวทย์มนต์ในโลกหน้า
สงครามครั้งนี้สะท้านสะเทือนไปทั่ว ทำให้เทพราต้องลงมาตัดสินคดีว่า ใครเป็นคนผิด ในที่สุดก็ตัดสินว่า เทพเซธ เป็นผู้ผิด และเนรเทศให้ไปใช้ชีวิตในทะเลทรายที่แห้งแล้ง และ อดอยาก
ด้วยเหตุนี้ ชาวอียิปต์โบราณจึงมักจะโทษว่า พายุทราย และ แผ่นดินไหว นั้น เป็นผลของการกระทำของเทพเซธ ที่แสดงความไม่พอใจออกมา
เทพรา สั่งให้เทพโอไซริส ซึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำ มาเป็นเทพปกครองแผ่นดินอียิปต์ต่อไป แต่เทพโอไซริส บอกว่า เนื่องจากตัวเองได้กลายเป็นคนตายแล้ว จึงไม่เหมาะสมที่จะปกครองแผ่นดินของคนเป็นอีกต่อไป
เทพรา จึงส่งเทพโอไซริส ไปปกครองโลกของคนตายแทน และให้เทพฮอรัส เป็นเทพปกครองแผ่นดินอียิปต์ต่อไป
(เทพเจ้า โอไซริส เทพเจ้าของโลกคนตาย บนกระดาษปาปิรัส อยู่ขวาสุด)
ดังนั้น เทพฮอรัส จึงได้รับการเคารพในจุดหนึ่งว่า เป็นเทพเจ้าแห่งอียิปต์ทั้งมวล นอกเหนือจากเทพรา เทพอามุนรา เทพปทาห์ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนอียิปต์ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเทพเจ้าของอียิปต์โบราณ เพราะมีจำนวนมากเหลือเกิน
เมื่อเทพฮอรัส ได้รับการเคารพว่าเป็นเทพเจ้าของอียิปต์ สายการบินอียิปต์แอร์ จึงเอารูปเทพเจ้าฮอรัส มาเป็นตราของสายการบินเสียเลย
สำหรับท่านที่ต้อการเดินทางท่องเที่ยวอียิปต์แบบเจาะลึก แบบสบายๆกับผมนั้น ทริปเดือนธันวาคมได้ปิดแล้ว ทริปต่อไปก็จะเป็นเดือนมกราคม ต่อเนื่อง กุมภาพันธ์ปีหน้าแล้วครับ
สนใจติดต่อ 02 651 6900
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
