ซอกซอนตะลอนไป (7 ตุลาคม 2559 )
อิหร่าน-อาณาจักรเปอร์เชี่ยนโบราณ(ตอน 6)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
เมืองอีสฟาฮาน ของ ประเทศอิหร่าน เป็นเมืองที่ผมหลงใหลเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นเมืองที่โรแมนติคมาก หากจะเปรียบไป ก็คงจะคล้ายกับเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลี
เมืองอีสฟาฮานมีความเจริญรุ่งเรืองยาวนานเกือบ 700 ปี คือตั้งแต่ปีค.ศ. 1050 หรือก่อนที่จะมีกรุงสุโขทัยด้วยซ้ำ จนถึง ปีค.ศ. 1722 หรือก่อนที่จะเสียกรุงอยุธยาเล็กน้อย
นอกจากนี้ อีสฟาฮานยังเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เชี่ยนในยุคสมัยของราชวงศ์ซาฟาวิด ที่ปกครองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1501 ถึง ปีค.ศ. 1736
ดังนั้น ตัวเมืองอีสฟาฮานจึงยังหลงเหลือความยิ่งใหญ่ และ งดงามตามแบบเมืองของราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง พื้นที่สวน จัตุรัสกลางเมือง สะพานข้ามแม่น้ำ และ สุเหร่าที่สวยงาม
ที่สำคัญก็คือ คาราวานซาราย หรือ ที่พักค้างแรมของกองคาราวาน ที่เดินทางผ่านอีสฟาฮาน ทำให้การค้า และ เศรษฐกิจของเมืองเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของพระเจ้าชาห์ อับบาส ที่ 1
ผมจะนำนักท่องเที่ยวของ บริษัท ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ เดินทางไปท่องเที่ยว อิหร่าน อาณาจักรเปอร์เชียน ระหว่างวันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน นี้
โปรแกรมท่องเที่ยวของ บริษัท ไวท์ เอเลแฟนท์ จะพักที่โรงแรมอับบาซี่ ที่เมืองอีสฟาฮาน ซึ่งเป็นโรงแรมประวัติศาสตร์ที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมของอิหร่านโบราณ จึงขอนำเรื่องราวของโรงแรมแห่งนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนอื่นต้องทราบว่า คาราวานซาราย ก็คือ พื้นที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด มีกำแพงล้อมรอบทุกด้าน เพื่อให้กองคาราวานที่บรรทุกเอาสิ่งของมีค่าจากตะวันออก เช่น จีน หรือ อินเดีย ไปขายยังยุโรป และ ในทางกลับกัน ก็รับเอาสินค้าจากยุโรปกลับไปขายในเอเชีย
เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีค่า ราคาสูง จึงเสี่ยงต่อการถูกปล้นชิงระหว่างทาง โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ตอนที่ทุกคนในกองคาราวานนอนหลับพักผ่อน
คาราวานซาราย จึงเป็นคำตอบให้แก่กองคาราวานเหล่านี้ ที่จะพักค้างแรมได้อย่างสบายใจ มีน้ำสะอาดให้ดื่มกิน และ อาบ มีอาหารสำหรับบรรดากองคาราวาน มีหญ้าให้ม้าและอูฐได้กินอย่างเต็มที่ กลางคืนก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ เพราะมีทหารยามคอยดูแลป้องกันภัยให้ตลอดคืน
เมืองใดที่ต้องการความเจริญทางเศรษฐกิจ ก็จะต้องส่งเสริมให้มีคาราวานซารายมากๆ เพื่อให้กองคาราวาน มาพักที่นี่
รายได้ของเมืองก็จะมาจาก การเก็บภาษี ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน และส่วนใหญ่มักจะไม่คิดค่าที่พัก และ อาหารจากกองคาราวานกัน เพื่อจูงใจให้กองคาราวานมาพักที่คาราวานซารายของตนเอง
โดยปกติ คาราวานซารายมักจะสร้างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีอาคารสร้างติดกับกำแพงทั้งสี่ด้านเป็นที่พักอาศัยของคน และ สัตว์
คาราวานซาราย เจริญรุ่งเรืองมาพร้อมกับเมืองอีสฟาฮาน จนกระทั่ง เส้นทางการค้าด้วยกองคาราวาน ที่เรียกกันว่า เส้นทางสายไหม หมดความสำคัญลงไป คาราวานซาราย จึงไม่มีกองคาราวานมาพัก ทำให้ คาราวานซาราย ค่อยๆถูกปล่อยให้รกร้างไปในที่สุด
มาถึงสมัยของพระเจ้าชาห์ ปาห์เลวี ก็มีแนวคิดที่จะสร้างโรงแรมทันสมัยขึ้นมา บนจุดที่เป็นซากปรักหักพังของ คาราวานซาราย ที่สร้างในสมัยของ พระเจ้าชาห์ โฮสเซน เมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว โดยมีแนวคิดที่จะใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมของเปอร์เชี่ยนโบราณมาสร้าง
เกิดเป็นโรงแรมที่ทันสมัยมากที่มีชื่อว่า โรงแรมอับบาซี่
ความรู้สึกของแขกทุกคนของโรงแรมทันทีที่เดินเข้ามาในห้องโถงก็คือ จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งในการตกแต่งประดับประดาที่ใช้ศิลปะเปอร์เชี่ยนล้วนๆ ที่หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แม้แต่ภายในพระราชวังของพระเจ้าชาห์ ปาห์เลวีด้วยซ้ำ
ถัดจากล็อบบี้ เดินผ่านประตูกระจกเข้าไปด้านใน ก็จะถึงพื้นที่กว้างเป็นลานที่ทำเป็นสวนดอกไม้ และ ทางเดินที่มีบ่อน้ำพุเรียงราย สวยงามและร่มรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืน
โดยปกติ จะไม่มีทัวร์ไทยพานักท่องเที่ยวไปพักที่โรงแรมอับบาซี เพราะค่าห้องพักค่อนข้างแพง แต่เนื่องจาก ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ ทำทัวร์อิหร่านมานาน และ ทุกครั้งก็จะเลือกโรงแรมอับบาซี่ เป็นที่พักเสมอ
เช่นเดียวกันกับทริป ระหว่างวันที่ 22 ถึง 30 พฤศจิกายน นี้ ที่ผมก็จะพานักท่องเที่ยวของ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ ไปพักที่โรงแรมนี้ด้วย 3 คืนด้วยกัน
สำหรับท่านที่สนใจจะเดินทางร่วมไปกับผม สามารถสอบถามรายละเอียด และ สำรองที่นั่งได้ที่ โทร 02 651 6900
แล้วเดินทางไปด้วยกันครับ