ซอกซอนตะลอนไป (23 กันยายน 2559 )
อิหร่าน-อาณาจักรเปอร์เชี่ยนโบราณ(ตอน 4)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ชาวเปอร์เชี่ยนโบราณ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้ทางด้านดาราศาสตร์เป็นอย่างดี
ในพระคัมภีร์ไบเบิล ฉบับพันธะสัญญาใหม่ ได้พูดเอาไว้ว่า
“พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์ จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม…….แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกโหราจารย์เข้ามาเป็นการลับ ถามเขาได้ความถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า “จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด…………….โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่งและดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น”
พวกโหราจารย์ที่มาจากทิศตะวันออกนั้น นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า น่าจะเป็นชาวเปอร์เชี่ยนโบราณ เพราะคนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องดาราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
วิชาดาราศาสตร์ที่แม่นยำ เข้มแข็งของเปอร์เชี่ยนโบราณนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะได้รับการถ่ายทอดมาจากอาณาจักรอียิปต์โบราณอีกครั้งหนึ่ง ทั้งโดยทางอ้อมคือการถ่ายทอดต่อๆกันมาผ่านทางจารึกต่างๆบนกระดาษปาปิรัส
ส่วนทางตรงก็คือ การที่อาณาจักรอาเคเมนิด โดยกษัตริย์ไซรัส มหาราช ได้ขยายดินแดนจนสามารถยึดครองอียิปต์โบราณ สถาปนาราชวงศ์ที่ 27 ขึ้นมา และปกครองอียิปต์โบราณอยู่นานสองร้อยปีเศษ ก่อนที่จะถูกโค่นล้มอำนาจ และ ขับไล่ออกมา
ทำให้ชาวเปอร์เชียนรับเอาวัฒนธรรมต่างๆจากอียิปต์มาเต็มๆ
รวมทั้งวิชาดาราศาสตร์ และ วิชาโหราศาสตร์ ซึ่งถ่ายทอดต่อไปยังประเทศอินเดีย เป็นวิชาโหราศาสตร์ฮินดู หรือ โหราศาสตร์ภารตะ
วิชาโหราศาสตร์ที่เรียกว่า ARABIAN PARTS หรือ วิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียน ก็เชื่อว่า จะมีที่มาจากโหราศาสตร์ของเปอร์เชี่ยนโบราณด้วย
ปีนักษัตร ที่ใช้สัตว์ต่างๆมาเป็นสัญลักษณ์ เช่น ปีชวดแทนด้วย หนู ปีฉลู แทนด้วย วัว ปีขาลแทนด้วย เสือ ปีวอก แทนด้วย ลิง เหล่านี้เป็นต้น ก็มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เชีย ถ่ายทอดผ่านประเทศจีน และเข้ามาสู่ไทยในที่สุด
เมื่อมาถึงสมัยของราชวงศ์คาจาร์ ที่ปกครองอิหร่านในช่วงปีค.ศ. 1796 จนถึงปีค.ศ. 1925 หรือตรงกับสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ของเราพอดี ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นราชวงศ์ ปาห์เลวี ในที่สุด
เป็นช่วงเวลาที่อิหร่านถูกหลายชาติของยุโรปแทรกแซง เอาเปรียบ เพื่อยึดครองดินแดน แบบที่หลายๆชาติในเอเชียได้รับในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น และ ไทย
กระนั้น วิชาดาราศาสตร์ และ โหราศาสตร์ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ในอิหร่าน และ แม้กระทั่งในราชสำนักของพระเจ้าชาห์ เพราะในพิพิทภัณฑ์แห่งหนึ่งในเมืองอีสฟาฮาน ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของราชสำนักของราชวงศ์คาจาร์ ได้แสดงสิ่งของที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ
จานหมุนในทางวิชาโหราศาสตร์ ที่ทำด้วยทองเหลือง
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตราประจำของราชวงศ์คาจาร์ ที่เป็นตราประจำของอิหร่านมาตลอดก็คือ สิงโต และ พระอาทิตย์
ชาวอิหร่าน เคารพในพระอาทิตย์ ซึ่งน่าจะสอดคล้องต้องกันกับแนวคิดทางศาสนา โซโรแอสเทรียน ที่ชาวเปอร์เชียนนับถือมาตั้งแต่โบราณกาล ที่นับถือไฟ
พระอาทิตย์เป็นสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าที่ชาวเปอร์เชี่ยนเคารพ และ สิงโตก็สิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกที่ชาวเปอร์เชี่ยนนับถือ ทั้งสองสิ่งมาอยู่ร่วมกัน ผสมผสานกัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาติเปอร์เชีย
แม้ว่า หลังจากยุคการปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองหลังยุคราชวงศ์ปาห์เลวี จนกระทั่งทุกวันนี้ วิชาโหราศาสตร์ดูเหมือนจะล้มหายตายจากไปจากแผ่นดินอิหร่าน เพราะศาสนาอิสลามมีข้อห้ามไม่ให้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์กัน
แต่สำหรับใครที่มีพื้นความรู้ทางวิชาโหราศาสตร์มาบ้าง ก็จะรู้ว่า ราศีสิงห์ มีสัญลักษณ์เป็นรูปสิงโต ขณะเดียวกัน ราศีสิงห์ก็เป็นเรือนที่มีพระอาทิตย์เป็นเจ้าบ้าน
เป็นเรื่องน่าสนใจมาก
ท่านที่สนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวอิหร่านกับผม ด้วยโปรแกรมระดับดีลักซ์ ที่พักดี อาหารเด่น ด้วยสายการบินไทย กับ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ วันที่ 22 ถึง 30 พฤศจิกายนนี้ ติดต่อได้ที่โทร 02 651 6900
(ขอเชิญติดตามชม สารคดีท่องเที่ยว วัฒนธรรม และ ประวัติศาสตร์ ของผมได้ที่ youtube/whiteelephant2529 ครับ)
(เชิญติดตามอ่านบทความ ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)