เมื่อชาวสวิสฯ ไม่ยอมรับเงินแจกฟรี(ตอน 2)

ซอกซอนตะลอนไป                           (17 มิถุนายน 2559 )

เมื่อชาวสวิสฯ ไม่ยอมรับเงินแจกฟรี(ตอน 2)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               การจะทำความเข้าใจจิตวิญญาณของคนสวิสฯที่ร่วมกันลงประชามติ ไม่ยอมรับเงินประชานิยมแบบบ้าเลือดเกือบแสนบาทต่อเดือนนั้น  เราจำจะต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวสวิสฯ หรือ  ที่เรียกกันในประวัติศาสตร์ก็คือ  ชาวเฮลเวติ หรือ เฮลเวเทีย

               ยุโรปกลาง คือ ประเทศฝรั่งเศส  เยอรมัน ออสเตรีย  สวิสฯ ถูกกองทัพของโรมันเข้ามายึดครองตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล   และ มาประสบความสำเร็จอย่างมากในสมัยของ จูเลียส ซีซาร์(JULIUS CAESAR)


(ดินแดนของชาวเฮลเวเทีย (ภายในวงกลม)  ซ้ายมือก็คือดินแดนของพวกอล ซึ่งเป็นประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน)

               โรมันในยุคนั้น นักประวัติศาสตร์เรียกว่า สาธารณรัฐโรมัน (ROMAN REPUBLIC)  ซึ่งต้องไม่สับสนกับ ยุคอาณาจักรโรมัน (ROMAN EMPIRE)   ซึ่งหากมีโอกาส  ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ 

               เมื่อผู้คนที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกของยุโรป  โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปัจจุบัน  เกิดความอดอยากยากแค้นบ่อยๆอันเนื่องมาแต่สภาพภูมิอากาศที่โหดร้าย  จึงมักจะอพยพไปสู่ภาคตะวันตกของยุโรปเสมอๆ  และต้องปะทะกับกองทัพโรมันแทบจะทุกครั้งก็ว่าได้ 


(สงครามระหว่าง ชาวเฮลเวติ ภายใต้การนำโดย DIVICO  กับ กองทัพโรมันที่เมือง อาเจน(AGEN) .ในปี 107 ก่อนคริสตกาล  เมื่อโรมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  ชาวเฮลเวติ บังคับให้ชาวโรมันต้องคลานลอดใต้แอกเทียมวัว เพื่อเป็นการหลู่เกียรติ  ภาพวาดโดย CHARLES GLEYRE )   

               ในปี 58 ก่อนคริสตกาล  ซึ่งเป็นช่วงที่จูเลียส ซีซาร์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกงสุล(CONSUL) และ ผู้ว่าการดินแดน(GOVERNOR) ซีสอัลไพน์(CISALPINE GUAL)  และ ทรานส์อัลไพน์(TRANSALPINE GUAL) 

               ซีสอัลไพน์ กอล ก็คือดินแดนทางเหนือของอิตาลีโดยประมาณ   ในขณะที่ ดินแดน ทรานส์อัลไพน์ กอล ก็คือ ดินแดนภาคใต้ของฝรั่งเศสโดยประมาณ 

               ส่วนคำว่า กอล ก็คือ ชนเผ่าส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในยุโรปตอนกลาง ตั้งแต่ เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส  เยอรมัน จนถึง สวิตเซอร์แลนด์


(ชนเผ่ากอล ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีความแข็งแรง ดุดัน ภาพจากวิกิพีเดีย)

               และดินแดนกอลทั้งหมดนี่เองที่เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่ สาธารณรัฐโรมัน  และ แก่ จูเลียส ซีซาร์ ด้วย  เพราะในยุคนั้น   ชาวโรมันถือว่า  กอลเป็นดินแดนของคนเถื่อน  ในขณะที่ตนเองเป็นพวกศิวิไลซ์ 

               สินค้าที่ชาวโรมันเอาไปขายให้แก่พวกกอล ก็จะเป็นสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย  หรูหรา  และพวกโรมันก็จะไปซื้อเอาสินค้าพื้นฐานในการยังชีพมาจากพวกกอล 

               ทำให้ดินแดนกอลกลายเป็น  ขุมทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่พวกโรมัน  เหมือนกับการเข้าไปขุดน้ำมันแบบฟรีๆ หรือ ขุดทองคำแบบฟรีๆจากประเทศด้อยพัฒนาในปัจจุบันนี้ 

               ดังนั้น   สิ่งที่พวกโรมันต้องการที่สุดในแดนแดนกอลแห่งนี้ก็คือ  ความสงบเรียบร้อย  ตามแต่พวกโรมันจะสั่ง  อะไรก็ตามที่จะเป็นเริ่มทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือ กระด้างกระเดื่องแก่พวกตน  พวกโรมันจะต้องรีบกำจัดเป็นการด่วน 


(ภาพจากจินตนาการของ KARL JAUSLIN  ตอนที่ จูเลียส ซีซาร์  กับ ดิวิโค ผู้นำของผู้อพยพชาวเฮลเวเทีย ภาพจากวิกิพีเดีย)  

               เมื่อชาวเฮลเวเทีย  พร้อมด้วยชนเผ่าอื่นๆอีกหลายเผ่า  ทนต่อความทุกข์ยาก อดหยาก ในถิ่นเกิดของตนเองไม่ไหว   ก็จึงอพยพไปไปทางตะวันตก  เพื่อไปหาดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่า 

               แต่การอพยพครั้งนี้   เป็นการอพยพครั้งที่ใหญ่พอสมควร   กล่าวคือ  กลุ่มชนที่อพยพนั้นมีมากถึงเกือบ 5 แสนคน 

               กองทัพโรมันเล็งเห็นว่า   หากปล่อยให้ผู้อพยพเหล่านี้ เดินทางไปถึงกอลได้   จะเกิดปัญหาความขัดแย้งกับชนเผ่าที่อาศัยอยู่เดิม จนอาจจะเกิดการสู้รบเป็นสงครามได้   และ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดุลยอำนาจสำคัญต่อกองทัพโรมันได้ 

               จูเลียส ซีซาร์ จึงต้องนำทัพโรมันจำนวน 6 กองพล มีจำนวนประมาณ 5 หมื่นคน  ส่วนใหญ่เป็นนักรบอาชีพออกไปสกัด 

               จุดที่กองทัพของโรมัน เข้ามาสกัดผู้อพยพชาวเฮลเวเทีย อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า  ไบแบรคเต้ (BIBRACTE) ซึ่งสันนิษฐานว่า  อยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศส  ใกล้พรมแดนกับสวิตเซอร์แลนด์    

               จูเลียส ซีซาร์  ยื่นคำขาดให้ฝูงชนที่อพยพทั้งหมด อันประกอบไปด้วย  ทหารนักรบบางส่วน  ชาวไร่ชาวนา  ผู้หญิง  เด็ก และ  คนแก่  เดินทางกลับไปยังถิ่นฐานเดิม  ห้ามเดินทางต่อไปยังแคว้นกอลที่อุดมสมบูรณ์เป็นอันขาด  

               แต่คนที่หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง  อาหารที่มีอยู่ก็แทบจะไม่พอกิน  หากจะเดินทางกลับไปยังถิ่นฐานเดิม  ก็มีแต่ตายกับตาย   แต่ถ้าเดินหน้าต่อ  ก็จะต้องปะทะกับทหารโรมัน   แต่ก็มีโอกาสชนะ และ รอดชีวิตได้ 

               สงคราม กันวันนั้น  ปรากฏว่า  ผู้อพยพซึ่งไม่ใช่นักรบอาชีพเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ 

               บันทึกของ จูเลียส ซีซาร์ ระบุว่า   ทหารโรมันเสียชีวิตประมาณ 5,000 คน  ในขณะที่ชาวเฮลเวเทีย จำนวน 238,000 คนตายและถูกจับเป็นเชลย  หนีหายไปประมาณ 130,000 คน 

               เหลือที่เดินทางกลับถิ่นฐานเดิมเพียง 110,000 คนเท่านั้นเอง 

               ไม่มีใครทราบว่า  ชาวเฮลเวเทียที่เหลือ ที่ต้องเดินทางกลับไปเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายในดินแดนแผ่นดินเกิดของตัวเอง  มีชีวิตรอดไปถึงปีถัดไปมากน้อยเพียงใด  แต่นั่นก็คงจะเป็นอีกบทเรียนหนึ่งในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

               เมื่อหนทางในการเป็นเกษตรกรมันยากลำบากที่จะมีชีวิตอยู่รอด  ชาวเฮลเวเทีย จึงเลือกที่จะเดินทางสายที่ต้องใช้ เลือดเนื้อ  แรงกาย และ ชีวิตเข้าแลก  ด้วยการไปเป็นทหารรับจ้างให้แก่ใครก็ได้ที่สามารถจ่ายค่าจ้างแก่ตนเองได้ 

               เป็นอาชีพที่แสนจะขมขื่น  ปวดร้าว  และ บ้าระห่ำอย่างยิ่ง   แต่เป็นอาชีพเดียวที่ทำให้ชาวเฮลเวเทีย จะมีเงินกลับไปบ้านไปเลี้ยงดูครอบครัวของเขาได้อย่างสม่ำเสมอ 

               จะเห็นว่า  กว่าที่ชาวสวิสฯ จะสร้างชาติขึ้นมาจนกลายเป็นชาติที่มั่งคั่งขนาดนี้   ไม่ใช่เรื่องง่าย

               แต่เรื่องยังไม่จบ  สัปดาห์หน้าผมจะมาเล่าต่อครับ

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)  

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *