“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 24)

ซอกซอนตะลอนไป                           (20 พฤษภาคม 2559 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 24)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ในวิชาโหราศาสตร์   วิถีชีวิตของมนุษย์ถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่วันที่คนผู้นั้นถือกำเนิด  รอแต่เพียงว่า  เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้นเอง 

               แล้ววันนั้นในดวงชะตาของหม่อมมณี ก็มาถึง 

               วันนั้น  หม่อมมณีขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียน  แล้วมุ่งหน้าไปที่ตึกอักษรศาสตร์ จุฬาฯ  แต่มหาวิทยาลัยปิดเพราะเป็นวันหยุดทางศาสนา  ซึ่งหม่อมมณีลืมไป หรือ อาจเป็นเพราะถึงเวลา  ดวงชะตาจึงทำให้หม่อมมณีนึกไม่ถึง

               หม่อมมณีจึงขับรถกลับบ้าน จอดรถเสร็จก็เดินขึ้นบ้าน   เธอรู้สึกว่าบ้านเงียบผิดสังเกต  จึงเดินไปที่ห้องแต่งตัวซึ่งติดกับห้องนอน  ก็ไม่พบใคร  จึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนเพื่อเข้าไปหาพระองค์อาภัส  แต่ประตูล็อค

               หม่อมมณี ทดลองเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบ   พลันได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังวิ่งสับสนอยู่ข้างใน  หม่อมมณีจึงหยิบกุญแจอีกดอกในกระเป๋าเปิดประตูห้องเข้าไป  สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หม่อมมณี ก็คือสิ่งที่ผู้คนร่ำลือซุบซิบกันมาเป็นเวลานาน  

               แม่แก้วรีบคลานออกจากห้อง  ส่วนพระองค์อาภัสหันหน้าเข้าหาฝา  ไม่พูดเจรจาใดๆ   คุณหญิงมณี ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” เอาไว้ว่า


(ดวงชะตาของคุณหญิง มณี สิริวรสาร)

               “ข้าพเจ้าเดินกลับไปนั่งในห้องแต่งตัวเพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน……ข้าพเจ้าไม่เคยคิดฝันว่าเหตุการณ์เช่นนี้ จะเกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าได้เลย………ปีที่เจ็ดแห่งการสมรสทางคติฝรั่งเขาถือว่าเป็นปีแห่งการแตกร้าวซึ่งคู่สมรสพึงต้องระวังตัว   และสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆแล้ว………

               พระองค์อาภัส มิได้ตายจากข้าพเจ้าไปเช่นน้องชายของท่าน   แต่ท่านกำลังจะตายไปจากชีวิตของข้าพเจ้าเสียแล้วทั้งๆที่ท่านยังมีชีวิตอยู่”

               มีความพยายามจะเจรจาให้พระองค์อาภัสตัดสินใจใหม่  แต่ไม่เป็นผล  เพราะพระองค์อาภัสไม่สามารถจะเลิกกับแม่แก้วได้    ในที่สุด   ความรักของทั้งสองก็มาถึงทางตัน 

อีกไม่กี่วันต่อมา  พระองค์อาภัสก็ขนของของท่านย้ายออกไปจากบ้าน

               เป็นเหตุการณ์ในปีพ.ศ. 2493

               เมื่อหม่อมมณี หย่าร้างเด็ดขาดกับพระองค์อาภัสแล้ว  เพื่อนฝูงที่เคยไปมาหาสู่กันก็ห่างหายออกไป  เป็นช่วงชีวิตที่เธอมีความเป็นอิสระเต็มที่  สามารถทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครทั้งสิ้น

               สิ่งแรกที่หม่อมมณี ลงมือทำก็คือ  ปลูกบ้านบนที่ดินที่ถนนเพลินจิต  การสร้างบ้านหลังใหม่นี้  เป็นความสุขของหม่อมมณีอย่างยิ่ง   เพราะเธอสามารถตัดสินใจตามความชอบของตัวเองทุกอย่าง  ไม่ต้องปรึกษาใครทั้งสิ้น

               คุณหญิงมณี เขียนไว้ว่า

“ข้าพเจ้าพยายามตกแต่งบ้านเพลินจิตให้ใกล้เคียงที่สุดกับบ้านของข้าพเจ้าที่เวอจิเนีย วอเตอร์  เพราะข้าพเจ้าถือว่า  ดอนฮิล เป็นบ้านที่ให้ความสุขแก่ข้าพเจ้ามากที่สุด”

               บ้านดอนฮิล ก็คือเรือนหอของหม่อมมณี กับ พระองค์จิรศักดิ์ ในอังกฤษ 


(พระองค์จิรศักดิ์ รักแท้ของหม่อมมณี)

               คุณหญิงมณี ยังได้เขียนเอาไว้ว่า

               “ในบ้านใหม่ของข้าพเจ้า มีห้องๆหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยมีมาก่อน  คือ ห้องพระ……….ข้าพเจ้าได้จัดโต๊ะหมู่  ตั้งเครื่องบูชา  และนำบุษบกทองที่ได้รับมรดกมาจากวังสุโขทัยมาตั้งไว้ในห้องพระ และประดิษฐานพระที่มีค่าหลายองค์ ที่ได้รับมรดกจากวังสุโขทัย และวังบูรพาไว้ในบุษบก …………..

               ………..ข้าพเจ้าขาดการยึดถือศาสนามาหลายปีแล้ว   คราวนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าพเจ้าเริ่มจุดเทียนจุดธูปบูชาพระ และกราบไหว้ทุกคืน  ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งๆที่ในเวลานั้นข้าพเจ้าก็มิได้ศึกษาพระพุทธธรรม  และไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธมากนัก” 

               หนึ่งในวัตถุโบราณที่หม่อมมณีได้รับเป็นมรดกมาจากวังสุโขทัยก็คือ พระนาคปรกปางลพบุรี 2 องค์  สูงประมาณ 24 นิ้ว  เนื่องจากไม่สามารถนำพระทั้งสององค์มาไว้ในห้องพระได้  ท่านจึงนำพระทั้งสององค์ไปไว้ในโรงรถ 


(พระนาคปรกปางลพบุรี  จะมีพุทธลักษณะประมาณนี้  แต่องค์นี้ ไม่ใช่องค์ที่คุณหญิงมณี เขียนถึงในหนังสือ  ขอขอบคุณเจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต)

               วันหนึ่ง  เพื่อนชายคนหนึ่งของหม่อมมณี ได้มาเห็นเข้า  และขอร้องให้หม่อมมณีอนุญาตให้เขานำไปบูชาที่บ้าน   และสัญญาว่า  หากวันใดที่เธอต้องการพระทั้งสององค์คืน  เขาจะนำมาคืนให้ทันที 

               เมื่อหม่อมมณีอนุญาต  เขาก็รีบเอารถมาขนไปไว้ที่บ้านทันที

               คุณหญิงมณี ยังได้เขียนว่า  “สหายของข้าพเจ้าผู้นี้ เป็นคนชื่อดังในสังคมสมัยนั้นมาก    เขามีภรรยาสาวสวย  และเป็นสามีภรรยาที่ทันสมัยมาก   นับว่าเป็นสามีภรรยาคู่เด่นที่สุดในสังคมไทยในเวลานั้น   บ้านของเขาเป็นตึกสวยงาม และสร้างแบบทันสมัย   มีสระว่ายน้ำสร้างอยู่ภายในชั้นล่างของบ้าน   และเป็นบ้านที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง  มีเพื่อนฝูงมากมายมาสนุกสนานกันอยู่เสมอ………….. 

               ……………แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลก และ อาถรรพณ์  เพราะต่อมานับตั้งแต่มีพระนาคปรกไปประดิษฐานอยู่ในบ้าน   สามีภรรยาคู่นี้ก็เริ่มมีเรื่องร้อนใจต่างๆนานา”

               จนเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี  เมื่อคุณหญิงมณี ได้ขอพระทั้งสององค์คืนจากเพื่อนผู้นี้   เขากลับตอบว่า  เขาไม่สามารถคืนพระทั้งสององค์ให้ได้  เพราะหลังจากที่หย่าขาดจากภรรยา   เขาได้นำพระทั้งสององค์ไปถวายวัดแล้ว

               คุณหญิงมณีเขียนไว้ในหนังสือว่า 


(สนใจซื้อหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” ที่คุณเพชรชมพู โทร  099 425 9112 รายได้มอบให้แก่ มูลนิธิ มณี สิริวรสาร เพื่อเป็นกองทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาที่ยากไร้)

               “แต่ทั้งๆที่เขาเป็นลูกผู้ดีมาจากสกุลสูง  และเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย  แต่เขาก็หาได้รักษาคำพูดของเขาแต่อย่างใดไม่”

               เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า   มนุษย์จะดีหรือเลว  มิได้ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิดแต่อย่างใด 

               และแสดงให้เห็นตัวตนของคุณหญิงมณี สิริวรสาร โดยแท้  เพราะในดวงชะตาของคุณหญิงบอกว่า   ท่านเป็นคนที่พูดตรง  ปากกับใจตรงกัน  จนบางครั้งทำให้ผู้ฟังไม่ชอบใจก็ได้   

               พบกันใหม่สัปดาหฺหน้าครับ    

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ด้วย ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)            

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *