“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 19)

ซอกซอนตะลอนไป                           (18 มีนาคม 2559 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 19)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ชีวิตช่างเหมือนฝัน

               หลังจากที่ต้องออกจากอังกฤษ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลากว่า 10 ปี  และต้องจากมารดาอีกครั้ง   หม่อมมณีก็กลับมาถึงเมืองไทย   ก็มีโชคดีจากทรัพย์มรดกของสามีเก่าที่ตกทอดมาให้    แต่กว่าจะได้รับก็มีอุปสรรคจนทำให้เนิ่นช้าไปหลายปี  

               หลังจากที่แบ่งมรดกที่เป็นสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว  ก็มาถึงเรื่องการแบ่งทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์  อันประกอบด้วย  วังบูรพาภิรมย์  และ ที่ดินในที่ต่างๆอีกหลายแปลง  


(วังบูรพาภิรมย์ ภาพจากวิกิพีเดีย)

               การจะแบ่งที่ดิน และสิ่งก่อสร้างออกเป็น 7 ส่วน ให้มีมูลค่าเท่าๆกันนั้น  ปกติก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว   อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งก็คือ  พระองค์พีระฯ ได้ขายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกของพระองค์ให้แก่คุณหญิงสิน  ภักดีนรเศรษฐ์ ภรรยาหม้ายของ “นายเลิศ” ไปก่อนหน้านั้นแล้ว 

               คุณหญิงสิน จึงมีสิทธิเท่าเทียมกับทายาทคนอื่นๆในมรดกกองนี้  เป็นเหตุให้การจัดแบ่งที่ดินเนินช้าออกไป  เพราะคุณหญิงสิน ได้แต่งตั้งให้หลวงประกอบนิติสาร เป็นผู้แทนในการประชุมตกลงกับทายาทคนอื่นๆ


(นายเลิศ หรือ พระยาภักดีนรเศรษฐ เจ้าของรถเมล์ขาว)

               หลวงประกอบเป็นทนายที่มีไหวพริบ ฉลาด   รอบคอบมาก  เป็นผู้เจรจารักษาผลประโยชน์ให้แก่คุณหญิงสิน  ผู้เป็นลูกความอย่างเต็มที่ โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร   การประชุมเพื่อแบ่งมรดกที่ดินจึงมีข้อติดขัดมาก   มักจะมีการโต้เถียงในรายละเอียดเรื่องผลประโยชน์กันบ่อยๆ 

               กว่าจะตกลงแบ่งกันได้สำเร็จก็กินเวลานาน 4 ปีเศษ  

               ทำให้ทายาทคนอื่นๆไม่พอใจ  ทรงกริ้ว และ โทษพระองค์เจ้าพีระฯ อย่างมากที่แอบขายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกไปให้แก่ตระกูลภักดีนรเศรษฐ์  ซึ่งเป็นคนนอก   ทำให้การเจรจาตกลงเป็นไปอย่างค่อนข้างยาก


(พระองค์พีระ ฯ กับหม่อมซีริล เฮย์คอต ถ่ายที่สถานรถไฟ หัวลำโพงเมื่อปีพ.ศ. 2481  หม่อมซีริล เป็นมเหสีของพระองค์พีระ  แต่หย่าขาดจากกันหลังจากอยู่กินกันนานเกือบ 12 ปี  เป็นผู้หญิงที่พระองค์พีระรักที่สุด – ภาพและข้อมูลจากวิกิพีเดีย )

               ชีวิตบั้นปลายของพระองค์พีระ ฯ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก  ทรงอาศัยในอพาร์ตเมนต์ในลอนดอนแต่ลำพัง  ว่ากันว่า   มีฐานะการเงินค่อนข้างลำบาก   วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2528  ก็มีผู้พบชายชราคนหนึ่งล้มเสียชีวิตในสถานีรถไฟใต้ดิน   แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ระบุได้ว่าเป็นใครอยู่ในตัวเลย  จึงทำให้กว่าจะรู้ว่า เป็นพระองค์พีระฯ  ก็กินเวลาไปนานกว่าสัปดาห์ – ข้อมูลจากวิกิพีเดีย    

               ช่วงเวลา 4 ปีนี้เอง   เกิดเหตุการณ์มากมาย  ที่สำคัญก็คือ  ในตอนปลายของการแบ่งมรดกนั้น  หม่อมมณี ได้หย่าขาดจาก พระองค์อาภัส  ซึ่งมีผลกระทบต่อการแบ่งมรดกครั้งนี้อย่างมาก 

               คุณหญิงมณี ได้เขียนไว้ในหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” ว่า

               “ถ้าหากว่าเรามิได้มีการแยกกัน  ……เสียงของเราในการแบ่งมรดกก็คงจะหนักแน่น และมีความหมายมาก   การที่เราทั้งสองจะได้รับมรดกรวมกันถึงสองส่วน  คงทำให้ฐานะการเงินของเราเพิ่มพูนและมั่นคงถาวร ………..แต่ชะรอยชะตากรรมของพระองค์อาภัสไม่ได้กำหนดไว้ให้เป็นเช่นนี้  การได้รับส่วนแบ่งของท่านจึงมิได้มีผลให้ท่านเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้” 

               แม้ทายาทของกองมรดกจะพยายามประนีประนอม  และ พระองค์หญิงรำไพ ก็เคยเสนอให้จัดการให้ที่ดินวังบูรพา เป็นทรัพย์สินกองกลาง  เพื่อเอาผลประโยชน์นั้นมาแบ่งกัน  ก็ไม่อาจเป็นไปได้

               ต่อมาภายหลัง   ได้มีการตกลงให้ขายที่ดินของวังบูรพา และ ที่ดินโดยรอบให้แก่พ่อค้าคนหนึ่งประมูลซื้อไปในราคา 10 ล้านบาท   โดยทายาทแต่ละคนได้เงินไปประมาณล้านบาทเศษ

               เงินล้านบาทเศษในช่วงปีพ.ศ. 2495  ถือว่าเป็นเงินมากโขอยู่  

               แต่คุณหญิงมณี ได้เขียนไว้ในหนังสือว่า

               “ซึ่งผู้ที่ซื้อไปนั้น  ก็ได้ไปก่อสร้างในที่ดินบริเวณวังบูรพาให้เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกขึ้นในเมืองไทย  และได้ดำเนินการก่อสร้างโรงหนังร้านค้าต่างๆที่บริเวณวังบูรพา   โดยประมาณว่าผู้ซื้อไปนั้น คงได้กำไรจากที่ดินนั้นไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทเป็นแน่” 


(โรงภาพยนตร์คิงส์) 

               คุณหญิงมณี ยังได้ให้สัจธรรมอีกข้อว่า 

               “ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า  การแตกสามัคคีกันระหว่างญาติพี่น้อง  มักนำมาซึ่งความเสียหายอย่างร้ายแรงเสมอ  อีกประการหนึ่ง  ข้าพเจ้าขอเตือนในที่นี้ว่า  ผู้ที่มีทรัพย์สินทั้งหลายจงอย่างได้ประมาท  จงทำพินัยกรรมให้เป็นเรื่องราว เตรียมไว้ให้พร้อม  ……….. หาไม่แล้ว  ก็ต้องมีการวิวาทกันในครอบครัวเสมอ  และพี่น้องก็ต้องแตกกันเพราะเรื่องทรัพย์มรดก” 

               พื้นที่บริเวณวังบูรพาภิรมย์  ต่อมาได้กลายเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศไทย  มีโรงภาพยนตร์ 3 แห่งรวมตัวกันอยู่ที่นี่  คือ โรงภาพยนตร์คิงส์  ควีนส์ และ  แกรนด์  มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง  และ  สถานบันเทิงตามแบบฉบับของยุคนั้น 

               ยุคที่เรียกกันว่า  “โก๋หลังวัง” มากมาย  


(โรงภาพยนตร์แกรนด์)

               นายกิมซ้วน  เคยพยากรณ์ให้แก่หม่อมมณีเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วว่า  ทุกครั้งที่เธอได้รับ ลาภ  ยศ  หรือ  สรรเสริญ   เธอจะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป


(ดวงชะตาของคุณหญิงมณี สิริวรสาร) 

               เมื่อนางสาวมณี สอบชิงทุน กพ. ไปเรียนที่อังกฤษได้   เธอต้องสูญเสียความรักครั้งแรก   เมื่อเธอสูญเสียพระองค์จิรศักดิ์ สามีคนแรกไป  เธอได้รับมรดก

               คราวนี้   เธอกำลังจะได้รับมรดก  เธอก็สูญเสียความรักครั้งที่สองไปอีก  (ซึ่งผมจะเขียนถึงในตอนถัดๆไป) 

               ไม่ว่า   เธอจะโชคดีหรือโชคร้าย   แต่ที่แน่ๆ  ชีวิตของเธอช่างเหมือนฝันเสียนี่กระไร

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้า 


(สนใจซื้อหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” ที่คุณเพชรชมพู โทร  099 425 9112 รายได้มอบให้แก่ มูลนิธิ มณี สิริวรสาร เพื่อเป็นกองทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาที่ยากไร้) 
Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *