ซอกซอนตะลอนไป (2 พฤษภาคม 2557)
พิพิทภัฑณ์ โคคาโคลา(1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
กลับมาคุยกันเรื่องการเดินทางในอเมริกาต่อครับ
เมื่อมาถึงแอตแลนต้า เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย สิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง วิมานลอย หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า GONE WITH THE WIND พร้อมวลีอมตะของ เร็ท บัตเลอร์ ที่พูดว่า
“FRANKLY MY DEAR , I DON’T GIVE A DAMN”
แต่วันนี้ ผมจะพาท่านผู้อ่านมาชม พิพิทภัณฑ์เครื่องดื่มที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก “โคคา โคล่า” ซึ่งถือกำเนิดจากเมืองแอตแลนตา นี่เอง
พิพิทภัณฑ์นี้มีชื่อเรียกว่า WORLD OF COCA COLA
แอตแลนตา เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ฤดูร้อนของปีค.ศ. 1996 ซึ่งสหรัฐอเมริกาต้องต่อสู้แข่งขันกันเพื่อเป็นเจ้าภาพกับ ประเทศกรีซ
กรีซ หมายมั่นปั้นมือ และ คาดหวังอย่างมากในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคปีค.ศ. 1996 เพราะจะเป็นการครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในโลกยุคใหม่ หลังจากที่ชาวกรีซได้สร้างสรรค์กีฬา “โอลิมเปียด” มาตั้งแต่เมื่อประมาณ 2700 ปีที่แล้ว
หลังจากที่แข่งขันต่อสู้กันนานหลายปี สหรัฐอเมริกาก็เป็นฝ่ายชนะ ได้รับสิทธิในการจัดการแข่งขันครั้งนี้
ว่ากันว่า แรงหนุนสำคัญในการต่อสู้จนได้ชัยชนะของสหรัฐอเมริกาก็มาจาก บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อโคคาโคล่า ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของกีฬาโอลิมปิค นั่นเอง
ประวัติศาสตร์บันทึกว่า คนที่คิดค้นเครื่องดื่มยี่ห้อโคคาโคล่า เป็นคนแรกก็คือ จอห์น สมิธ เพมเบอร์ตัน(JOHN SMITH PEMBERTON) ชาวรัฐจอร์เจียโดยกำเนิด เพราะเกิดที่เมืองน๊อกซ์วิลล์ รัฐจอร์เจียเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1831
จอห์น มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีพอสมควร เพราะได้เรียนสูงถึงระดับวิทยาลัยการแพทย์จนได้รับใบอนุญาตให้ทำงานเป็นเภสัชกรได้
ถ้าเทียบกับ เอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อค แอนด์ โรลล์ จะเห็นว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เพราะเอลวิส เป็นสมาชิกคนแรกของตระกูลที่เรียนจบชั้นมัธยมปลาย
จอห์น เข้าไปเป็นทหารตำแหน่งพันโท ของกองกำลังฝ่ายใต้ที่เรียกว่า CONFEDERATE แต่ในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 1865 ซึ่งเป็นช่วงปลายของสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา เขาได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบที่เมืองโคลัมบัส และถูกปลดประจำการในที่สุด
ในสมัยนั้น ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับมอร์ฟีน เพื่อระงับอาการเจ็บปวดของบาดแผลเป็นหลัก จึงทำให้จอห์น กลายเป็นคนเสพติดมอร์ฟีนไปในที่สุด เช่นเดียวกับทหารจำนวนมากของกองทัพทั้งสองฝ่าย
ด้วยความที่เป็นเภสัชกร เขาจึงพยายามคิดหาตัวยาที่จะมารักษาการติดยามอร์ฟีนของตัวเอง เริ่มด้วยการทดลองใช้ โคคา(COCA) และ โคคา ไวน์(COCA WINE)
โคคา เป็นพืชพื้นเมืองของชาวอเมริกาใต้ทางฝั่งตะวันตก สามารถนำมาเคี้ยว หรือ ชงเป็นชาดื่มได้ ให้ผลแก่ร่างกายมนุษย์ใกล้เคียงกับ โคเคน
ส่วน โคคาไวน์ ก็เป็นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล ประเภทไวน์ ผสมกับสารสกัดจากใบโคคา ซึ่งในขณะนั้น โคค่า ไวน์ ที่มีชื่อเสียง ยี่ห้อหนึ่งเรียกว่า วิน มาเรียนี่ (VIN MARIANI) กำลังได้รับความนิยมจากในตลาดมาก
เข้าใจว่า จอห์น คงจะทดสอบการใช้เครื่องดื่มดังกล่าวกับตัวเอง และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ปีค.ศ. 1866 จอห์น ก็ผลิตเครื่องดื่มประเภท ไวน์ มาเรียนี่ เป็นของตนเองขึ้นมา เรียกชื่อเสียใหม่ว่า ไวน์ฝรั่งเศส ผสมโคคา ของ เพมเบอร์ตัน (PEMBERTON’S FRENCH WINE COCA)
ด้วยสภาพของสังคมหลังสงครามกลางเมืองในยุคนั้น ทำให้ผู้คนในภาคใต้จำนวนมากทั้งชาย และ หญิงต้องกลายเป็นคนติดยาเสพติด เป็นพวกที่มีจิตใจหดหู่ เศร้าหมอง และ ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอลอย่างหนัก จนขาดแอลกอฮอล ไม่ได้
จอห์น ก็จึงโฆษณาขายเครื่องดื่มของเขาโดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย ทั้งชายและหญิง ว่า จะช่วยบรรเทาสภาวะสับสน และการล้มเหลวของระบบประสาท
ต่อมาในปีค.ศ. 1886 เมืองแอตแลนตา และ อำเภอ ฟุลตัน(FULTON COUNTY) ได้ออกมาตรการทางกฎหมาย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเลิกใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอลที่ปริมาณที่มากจนเกินไป
จอห์น จึงมองเห็นอนาคตของเครื่องดื่มของตนเองว่า หากยังมีแอลกอฮอลผสมอยู่ สักวันก็คงจะขายไม่ได้ เขาจึงถอน แอลกอฮอล ออกจากส่วนผสมของเครื่องดื่มของเขา และมองหาแนวทางการตลาดอื่นเพื่อมาทดแทน
จอห์น เพมเบอร์ตัน ไม่รู้หรอกว่า เขากำลังจะผลิตสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นวัฒนธรรมของมนุษยชาติในอนาคตแล้ว
จะพูดถึง พิพิทภัณฑ์ โคคา โคล่า เลยต้องย้อนอดีตเสียไกลเลย
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ