ซอกซอนตะลอนไป (7 มีนาคม 2557)
ซัน เร็คคอร์ด ผู้ให้กำเนิด เอลวิส เพรสลีย์(2)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
วันที่ 18 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1953 ซึ่งเป็นวันที่ เอลวิส เพรสลีย์ เดินเข้าไปที่ห้องอัดเสียง ซัน เร็คคอร์ดส์ เพื่ออัดเสียงร้องเพลงของตัวเองนั้น หากวันนั้น มาเรียน ไคส์เคอร์ (MARION KEISKER) เลขา และ เจ้าหน้าที่อัดเสียงไม่มาทำงาน หรือ ไม่อยู่ที่นั่น
และบังเอิญคนที่มาทำหน้าที่อัดเสียงร้องเพลงของเอลวิส เพรสลีย์ กลายเป็นคนอื่น แทนที่จะเป็น มาเรียน ไคส์เคอร์ โลกอาจจะไม่ได้รู้จักเอลวิส เพรสลีย์ ในฐานะ ราชาเพลงร็อค แอนด์ โรลล์ ก็ได้
เพราะขณะนั้น แซม ฟิลลิปส์ กำลังสาละวนอยู่กับการปลุกปั้นนักร้องที่ดูเหมือนจะมีแววคนอื่นอยู่ เช่น คาร์ล เพอร์กินส์(CARL PERKINS) , เจอรี่ ลี ลูอิส(JERRY LEE LEWIS) , บี บี คิงส์(B.B.KINGS) , จูเนียร์ ปาร์คเกอร์(JUNIOR PARKER) , จอห์นนี่ แคช(JOHNNY CASH) เป็นต้น
หลังจากบันทึกเสียงเอลวิสแล้ว มาเรียนก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้แก่ แซม ผู้เป็นเจ้านายทราบ แซม บอกมาเรียนแต่เพียงว่า อย่าลืมเขียนชื่อของเจ้าของเสียงร้องด้วย
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจแผ่นเสียงแผ่นนั้นเท่าไหร่นัก
มาเรียน เขียนชื่อ “เอลวิส เพรสลีย์” ลงไปบนแผ่นเสียง และ ยังได้บันทึกเพิ่มเติมลงไปอีกว่า “เป็นนักร้องเพลงสไตล์บัลลาดที่ดีมาก จับตาดูไว้”
เอลวิสกลับไปรอที่บ้านเพื่อให้ ซัน เร็คคอร์ดส์ เรียกตัวไปทดสอบเสียง ขณะนั้น เขาทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกของ บริษัท คราวน์ อีเล็คทริค (CROWN ELECTRIC COMPANY) แต่ก็ยังหาหนทางที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักร้องอาชีพให้ได้
ไม่มีข่าวคราวใดๆจาก ซัน เร็คคอร์ดส์ เลย
เอลวิส เดินเข้าไปอัดแผ่นเสียงอีกครั้งที่ห้องอัดเสียง ซัน เร็คคอร์ดส์ ในเดือนมกราคม ปีถัดมา ด้วยเพลง I’LL NEVER STAND IN YOUR WAY และเพลง IT WOULDN’T BE THE SAME WITHOUT YOU ด้วยหวังว่า จะได้รับการเรียกตัวไปทดสอบเสียงจาก ซัน เร็คคอร์ดส์
แต่ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆจาก ซัน เร็คคอร์ดส์ อีกเช่นเคย
ระหว่างนั้น เอลวิส ได้ไปสมัครร้องเพลงในหลายสถานที่ แต่ก็ดูเหมือนว่า จะไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
ที่แย่ก็คือ เมื่อเอลวิส ไปสมัครทดสอบร้องเพลงกับ เอ็ดดี้ บอนด์(EDDY BOND) ซึ่งเป็นหัวหน้าวงดนตรี SMITH’S PROFESSIONAL BAND บอนด์ แนะนำเอลวิสว่า เขาควรจะกลับไปทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกต่อไปจะดีกว่า
“เพราะคุณจะไม่มีทางก้าวไปสู่การเป็นนักร้องได้เลยในชีวิตนี้” บอนด์ บอกกับเอลวิส
ช่วงเวลาเดียวกัน แซม ได้พูดกับ มาเรียนหลายครั้งหลายหนว่า
“หากผมสามารถหาคนขาวสักคน ที่มีเสียงร้องแบบคนดำ และ ให้ความรู้สึกแบบคนดำ ผมจะสามารถทำเงินล้านได้ทีเดียว”
มาเรียน เลยแนะนำเอลวิสให้แก่แซม ฟิลลิปส์ แต่แซม ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรกับเอลวิส
มีคำกล่าวว่า “ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นของสวรรค์” เมื่อยังไม่ถึงเวลา ผลไม้ยังไม่สุก หรือ ฟ้าเบื้องบนยังไม่กำหนดให้มนุษย์ผู้นั้นประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่อาจก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
เอลวิส ต้องรอจนถึงเดือนมิถุนายน ปีค.ศ. 1954 เมื่อแซม ได้รับแถบเสียงบันทึกตัวอย่างเพลง WITHOUT YOU ที่มีคนเสนอมาให้เขา ทำให้แซม นึกถึงเสียงร้องเพลงของเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ชื่อเอลวิส เพรสลีย์ ขึ้นมา
เอลวิส จึงถูกเรียกตัวมาเพื่อทดสอบ
เอลวิส มาที่ห้องอัดเสียง ซัน เร็คคอร์ดส์ เพื่อทดลองบันทึกเสียงเพลงที่ว่านี้ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของ แซม
แซม จึงให้เอลวิส ร้องเพลงอะไรก็ได้ที่เอลวิสอยากจะร้องอีกหลายเพลง นอกเหนือจากเพลง WITHOUT YOU แต่ก็ยังไม่มีเพลงไหนถูกใจแซม อยู่ดี
แซม จึงหานักดนตรี 2 คน คือ วินฟิล์ด สก๊อตตี้ มัวร์ (WINFIELD SCOTTY MOORE) ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ กับ บิลล์ แบล็ค(BILL BLACK)มือดับเบิ้ล เบส ให้มาเล่นดนตรีแบ๊กอัพให้เอลวิส ในการบันทึกเสียง
การบันทึกเสียงดำเนินเรื่อยไปจนกระทั่งวันที่ 5 กรกฎาคม ปีค.ศ.1954 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้เพลงที่ถูกใจแซม ดึกคืนหนึ่ง ขณะที่ทั้งหมดกำลังจะยอมแพ้ และแยกกันกลับบ้าน
เอลวิส ก็หยิบกีตาร์ขึ้นมา แล้วก็เริ่มร้องเพลง THAT’S ALL RIGHT เพลงในสไตล์บลู ที่แต่งโดย อาร์เธอร์ ครูดุบ(ARTHUR CRUDUP)
มัวร์ เล่าว่า “เอลวิส กระโดดขึ้นมาในทันทีทันใด แล้วก็ร้องเพลงนี้ เขากระโดดเต้นไปรอบๆห้องเหมือนคนเสียสติ ผมก็เลยเล่นดนตรีผสมโรงกับเพลงที่เขาร้อง แซม บังเอิญเดินเข้ามาในห้องอัดเสียงพอดี”
“พวกคุณทำอะไรกันนี่”
มัวร์ ตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”
“เฮ้ย เล่นใหม่ตั้งแต่ต้นเลย” แซมตอบ ดูเหมือนเขาจะชอบ แล้วเพลงนี้ก็ถูกบันทึกเสียงกันในคืนนั้น
สี่หนุ่มเนื้อทอง ในช่วงทศวรรษที่ 1950
ดาวดวงใหม่กำลังจะจุติ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ