ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน27)

ซอกซอนตะลอนไป                           (9 กุมภาพันธ์ 2568)

ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน27)

หลังอินเดียประกาศอิสรภาพ

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

ทันทีที่เข็มยาวของนาฬิกาเคลื่อนผ่านเลข 12 ของคืนวันที่ 14 สิงหาคม 1947  อินเดียก็กลายเป็นประเทศอิสระเกิดใหม่บนโลกใบนี้  สดใสเหมือนทารกแรกเกิดลืมตาดูโลก   อย่างไรอย่างนั้น

เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของชาวภารตะแทบจะทั้งประเทศ   ทุกคนวาดหวังกับอนาคตด้วยมุมมองโลกสวยว่า   ชีวิตของตนเองจะดีขึ้นกว่าเดิม  บางคนคิดไปไกลถึงกับว่า  อิสรภาพจะทำให้พวกเขาพ้นจากความยากจน  

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า  หนทางข้างหน้าไม่ง่ายดาย และ ไม่สดใสอย่างที่คิด

หลังจากเฉือนแผ่นดินทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ  และ ภาคตะวันออกบางส่วนไปให้แก่ปากีสถานแล้ว  อินเดียก็หันกลับมาจัดการกับปัญหาภายในประเทศอย่างจริงจัง

ในวันที่อินเดียประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ   อินเดียมีรัฐอิสระที่เรียกว่า รัฐเจ้าชาย (PRINCELY STATE หรือ NATIVE STATE) อยู่ถึง 565 รัฐ  เป็นรัฐของชนหลายชาติพันธุ์  และหลายชนเผ่า   มีทั้งรัฐใหญ่และรัฐเล็ก    รัฐเหล่านี้จะต้องตัดสินใจว่า  จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย หรือ ปากีสถาน หรือ จะเป็นรัฐอิสระตามที่อังกฤษได้วางกรอบเอาไว้ให้

ในจำนวน 565 รัฐ  เกือบทั้งหมดตัดสินใจเข้าร่วมกับอินเดียด้วยมุมมองของผลประโยชน์ของตนเอง   จะมีเพียงรัฐเล็กๆไม่กี่รัฐ  และ  รัฐใหญ่อีก 4 รัฐที่ยังไม่ยอมแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมกับอินเดียหรือไม่


(แคชเมียร์(สีเขียวเข้ม) อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ  ในขณะที่ ไฮเดอร์ราบาด(สีเทา) อยู่ตรงกลางประเทศอินเดีย-ภาพจากกูเกิล แมพ)

4 รัฐใหญ่ที่ยังไม่ยอมตัดสินใจว่าจะเข้าไปอยู่กับใครก็คือรัฐเจ้าชายจุนนากาด์ห  , รัฐเจ้าชายโบพาล  จามมู ,  แคชเมียร(JAMMU AND KASHMIR)  กับรัฐไฮเดอร์ราบาด(HYDERABAD)   

แต่ผมจะไม่พูดถึง รัฐจุนนากาด์ห และ  รัฐโบพาล ในบทความนี้


(นิซาม องค์สุดท้ายของไฮเดอร์ราบาด-ภาพจากวิกิพีเดีย)

ตำแหน่งผู้ปกครองของจามมู และ แคชเมียร เรียกว่า มหาราชา(MAHARAJA)  เพราะเป็นชาวฮินดู แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในรัฐนี้เป็นชาวมุสลิม   

ในขณะที่ตำแหน่งผู้ปกครองของรัฐไฮเดอร์ราบาด เรียกว่า  นิซาม(NIZAM) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จักรพรรดิโมกุลแต่งตั้งให้ปกครองต่างพระเนตรพระกรรณเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว  และสืบทอดกันเรื่อยมา นิซามนับถือศาสนาอิสลาม  แต่ประชากรส่วนใหญ่ของรัฐนับถือศาสนาฮินดู

เป็นความขัดแย้งลึกๆที่รอวันระเบิด

ผมขอพูดถึงรัฐเจ้าชายแห่งไฮเดอร์ราบาดก่อน

นิซามแห่งไฮเดอร์ราบาดได้แสดงเจตจำนงชัดเจนตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ก่อนหน้าที่อินเดียจะได้รับอิสรภาพ 2 เดือนว่า จะไม่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งไม่ว่ากับอินเดีย  หรือ กับปากีสถาน   ทั้งๆที่สถานที่ตั้งของรัฐไฮเดอร์ราบาดนั้นอยู่ใจกลางของประเทศอินเดียเลยทีเดียว

ความหมายก็คือ  ไฮเดอร์ราบาดต้องการเป็นประเทศอิสระ

สาเหตุที่นิซาม แห่งไฮเดอร์ราบาด ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ  ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นรัฐอิสระ  หรือ เป็นประเทศอิสระเกิดใหม่  ก็เพราะไฮเดอร์ราบาดเป็นรัฐที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างมากในเวลานั้น 

ความมั่งคั่งของรัฐไฮเดอร์ราบาดมาจากเหมืองเพชรที่มีขนาดใหญ่ และ และมีทรัพยากรเพชรใต้ดินจำนวนมากที่สุดในโลกของยุคนั้น   ประมาณกันว่า   ในปี 1901 ซึ่งอินเดียยังอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ  รัฐไฮเดอร์ราบาดมีรายได้ปีละ 417 ล้านรูปี

นิซาม คนสุดท้ายในวันที่อินเดียได้รับอิสรภาพก็คือ เมียร์ ออสมาน อาลี ข่าน (MIR OSMAN ALI KHAN)  ผู้ได้รับการขนานนามว่า  เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก


(เพชรจาคอบ ที่นิซามนำมาทำเป็นที่ทับกระดาษ-ภาพจากวิกิพีเดีย)

เพชรที่อยู่ในครอบครองของ ออสมาน อาลี ข่าน มีมากมายจนนับไม่ถ้วน  มากถึงขนาดที่เขาต้องเอาเพชรขนาดใหญ่หนัก 185 การัต ที่เรียกว่า เพชรจาคอบ  มาทำเป็นหินทับกระดาษในห้องทำงานของตัวเอง

               นิซาม ออสมาน ยังเคยถวายชุดเครื่องเพชร อันประกอบด้วย  มงกุฎเพชร และ สร้อยเพชร แด่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งอังกฤษเนื่องในวโรกาสวันสมรสของพระองค์ก่อนที่จะขึ้นครองราช  ซึ่งพระองค์ก็ทรงสวมใส่มาโดยตลอด 


(เครื่องเพชรที่มีชื่อว่า  สร้อยพระศอนิซามแห่งไฮเดอร์ราบาด-ภาพจากวิกิพีเดีย)

ร่ำรวยล้นฟ้าขนาดนี้  ไฮเดอร์ราบาด จึงต้องการที่จะดำรงสถานะของตัวเองเป็นรัฐอิสระต่อไป 

แต่ด้วยทำเลที่ตั้งของรัฐที่อยู่ใจกลางประเทศอินเดีย  รัฐบาลอินเดียจะว่าอย่างไร

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .