ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน23)

ซอกซอนตะลอนไป                           (12 มกราคม 2568)

ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน23)

ก่อนอินเดียแยกประเทศ

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

หลังจากเหตุการณ์สังหารโหดในกัลกัตตา สงบลงในวันที่ 22 สิงหาคม  ทุกฝ่ายก็เริ่มวิเคราะห์และสรุปสถานการณ์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร   และเหตุใดจึงทำให้เกิดการสังหารโหดชาวฮินดูจำนวนมากในขนาดนี้ในเวลาประมาณ 7 วัน

เหตุผลโดยรวมก็คือ  รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้น  ไม่เคยพบกับการเดินขบวนประท้วงยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อน   มิพักต้องพูดถึงการก่อการจลาจลสังหารโหดด้วยอาวุธครบมือแบบนี้

ที่สำคัญก็คือ   อังกฤษวางตัวเองในแบบห่างๆ  เพราะไม่ต้องการจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้  อังกฤษเพียงแค่ต้องการปล่อยให้อินเดียหลุดพ้นจากมือของตัวเอง   ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม  ขอเพียงแต่อังกฤษไม่ควรจะต้องสูญเสียอะไรมากกว่านี้อีก


(นาย ฮูเซน ชาฮีด ซูห์ราวาร์ดี (คนนั่ง) ถ่ายรูปคู่กับ คาห์วาจา  นาซิมมุดดิน ซึ่งปราศรัยกระตุ้นให้ชาวมุสลิมออกมาก่อการจลาจล-ภาพจากวิกิพีเดีย)

แต่บุคคลที่ถูกประวัติศาสตร์จารึกเอาไว้ว่า  ควรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการตายจำนวนมากแบบนี้ ก็คือ ฮูเซน ชาฮีด ซูห์ราวาร์ดี (HUSEYN SHAHEED SUHRAWARDY) ซึ่งขณะเกิดเหตุ  เขาดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งรัฐเบงกอล  หรือเทียบได้กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งรัฐเบงกอล

และยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของรัฐเบงกอลด้วย

ซูห์ราวาร์ดี เป็นมุสลิม  และเป็นสมาชิกของกลุ่มสหพันธ์มุสลิมลีกที่มีนาย มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ เป็นผู้นำ   เขารณรงค์หาเสียงให้พรรคมุสลิกในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1946  จนทำให้สหพันธ์มุสลิมลีกได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย   จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 119 ที่นั่ง  มุสลิมลีกได้ชัยชนะมากถึง 113 ที่นั่ง 

สาเหตุที่มุสลิมลีกได้ชัยชนะอย่างถล่มทลายก็เพราะรัฐเบงกอลขณะนั้นซึ่งรวมพื้นที่ทั้งเบงกอลตะวันตก และ  เบงกอลตะวันออกเข้าด้วยกัน  มีปัจจัยที่เอื้อต่อกลุ่มมุสลิมลีก

เบงกอลตะวันตก ปัจจุบันยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย  มีเมืองหลวงอยู่ที่ กอลกัตตา  ในขณะที่ เบงกอลตะวันออก  ซึ่งมีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก  ได้กลายเป็นประเทศปากีสถานตะวันออก หลังจากแยกตัวออกจากอินเดีย   


(เส้นแบ่งรัฐเบงกอล ออกเป็น เบงกอลตะวันออก และ เบงกอลตะวันตก ที่อังกฤษได้เขียนขึ้นในปี 1905 )

ต่อมาในเดือนมีนาคม ปี1971  ปากีสถานตะวันออกประกาศอิสรภาพจากปากีสถาน และกลายเป็นบังคลาเทศในปัจจุบัน  มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงธากา

นักประวัติศาสตร์มีความเห็นตรงกันว่า   ซูห์ราวาร์ดี ในฐานะมุขมนตรีแห่งเบงกอล มีเจตนาพยายามขัดขวางการทำงานของตำรวจที่อยู่ในอำนาจของตนเองไม่ให้เข้ามาระงับเหตุตั้งแต่ต้น   แต่ตลอดเวลาของการเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม  เขาเข้าไปอยู่ในห้องควบคุมสถานการณ์ของตำรวจ โดยไม่ทำอะไร  พร้อมๆกับสมาชิกของมุสลิม ลีก อีกหลายคน

เป็นเรื่องที่ชาวฮินดูในเมืองกัลกัตตา เจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่ง

สภาแห่งรัฐเบงกอล ประชุมกันอย่างหนัก  ด้วยความพยายามที่จะให้รัฐเบงกอลยอมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศปากีสถาน   แต่สมาชิกสภาอีกส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย   มีการประชุมและมีมติให้แยกรัฐเบงกอล ออกเป็น เบงกอลตะวันออก และ เบงกอลตะวันตก

และยังคงให้ เบงกอลตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดียต่อไป


(ซูห์ราวาร์ดี ขณะเยือนอเมริกาในฐานะนายกรัฐมนตรีของปากีสถานตะวันออก – ภาพจากวิกิพีเดีย)

แต่ที่ปวดหัวใจไปมากกว่านั้นก็คือ  ต่อมาอีก 6 ปี  ซูห์ราวาร์ดี ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ของปากีสถานตะวันออก รับผิดชอบในการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ

ในปี 1956  เขาก็ได้รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของปากีสถานตะวันออก  ชาวกัลกัตตา จึงเข้าใจในทันทีว่า   ทำไมชาวกัลกัตตา จึงเสียชีวิตอย่างมากในวันปฎิบัติการตรง

แต่การสังหารโหดยังไม่จบแค่นั้น

วันที่ 12 มกราคม เป็นวันที่จะต้องปิดกรุ๊ปอียิปต์ ระหว่างวันที่ 12-21 กุมภาพันธ์  หากสนใจร่วมเดินทางไปกับกรุ๊ป ที่ผมจะเป็นผู้บรรยายชม  สามารถติดต่อได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .