ซอกซอนตะลอนไป (5 พฤษภาคม 2567)
ไต้หวัน ผู้ปฎิเสธรากเหง้าตัวเอง(ตอน8)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ก่อนฟ้าสางของวันที่ 27 ตุลาคม 1930 โมนา รูดาโอ นำนักรบชนเผ่าซีดดิคจำนวนกว่า 300 คนบุกเข้าไปยังที่ทำการสาขาของตำรวจท้องถิ่นเพื่อยึดอาวุธปืน และลูกกระสุนจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนกำลังไปยังโรงเรียนประถม มูสยาจิ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแข่งขันกีฬา
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบ และ รวดเร็ว
เมื่อชาวญี่ปุ่นเดินทางมาถึงโรงเรียนเพื่อร่วมการแข่งขันกีฬา นักรบชนเผ่าซีดดิคก็ทำการโจมตี เป้าหมายของพวกเขาซึ่งก็คือชาวญี่ปุ่น แต่พวกเขาไม่มีทางแยกแยะได้เลยว่า คนไหนเป็นชาวญี่ปุ่น คนไหนไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น ดังนั้น เขาจึงเลือกเอาจากเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติญี่ปุ่นเป็นเป้าหลัก
นักรบชนเผ่าซิดดิคสังหารทุกคนที่คิดว่าเป็นชาวญี่ปุ่น โดยไม่สนใจว่า จะเป็นผู้หญิง หรือ เด็ก
บังเอิญ มีผู้หญิง 2 คนซึ่งเป็นชาวจีนฮั่นที่ไปร่วมงานนี้ด้วย แต่เธอแต่งกายด้วยชุดประจำชาติญี่ปุ่น จึงถูกสังหารไปด้วยโดยไม่เจตนา
ผลของการโจมตีในวันนั้น มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 134 คน ในจำนวนนั้นมีทั้งเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ด้วย
กองทัพญี่ปุ่นโดย ผู้ว่าการปกครองทั่วไป(GOVERNOR GENERAL) ไอโซ อิชิซูกะ สั่งการให้ตอบโต้อย่างรุนแรงโหดเหี้ยมที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทหาร 2,000 นายถูกส่งเข้าไปที่เมืองวูเชอะ ทำให้นักรบชนเผ่าซิดดิคต้องถอยร่นกลับไปเข้าไปอยู่ในภูเขาซึ่งเป็นที่มั่นของตนเอง และยากที่กองทหารของญี่ปุ่นจะเข้าถึงได้
จากนั้น การต่อสู้แบบกองโจรก็เริ่มขึ้น นักรบซีดดิคจะซ่อนตัวในเวลากลางวัน แล้วออกมาโจมตีทหารญี่ปุ่นในเวลากลางคืนในพื้นที่ที่ตัวเองชำนาญกว่า
เจอการรบนอกรูปแบบของชนเผ่าซิดดิคแบบนี้ ทหารญี่ปุ่นถึงกับไปไม่เป็น แม้ว่าทั้งกำลังพล และ กำลังอาวุธของตัวเองจะเหนือกว่าของชนเผ่าอย่างเทียบไม่ได้ก็ตาม
สุดท้าย กองทัพญี่ปุ่นตัดสินใจนำเอากองทัพอากาศเข้ามาร่วมทำการรบนี้ด้วยเพื่อปิดเกมส์ให้เร็วที่สุด เริ่มด้วยการทิ้งระเบิดแบบปูพรมไปทั่วทั้งพื้นที่ของชนเผ่าซิดดิค เพื่อใช้ควันและความร้อนไล่ให้ชนเผ่าซิดดิคต้องยอมจำนน
คล้ายกับยุทธวิธีเผาป่าไล่หนู ประมาณนั้น
แค่นั้นยังไม่พอ กองทัพอากาศของญี่ปุ่นยังได้ทิ้งระเบิดแก็สมัสตาร์ด(MUSTARD GAS BOMBS) ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดมาตรการแห่งเมืองเจนีวา (THE GENEVA PROTOCOL) ที่ลงนามกันเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี 1925 ที่ห้ามการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ห้ามใช้สารที่ทำให้หายใจไม่ออก (ASPHYXIATING) ห้ามใช้สารพิษ ห้ามการใช้แก็สอื่นใด และ ห้ามใช้อาวุธชีวภาพ เช่นแบ็คทีเรียชนิดใดๆในการทำสงคราม
ถือเป็นครั้งแรกในการใช้สารเคมีต้องห้ามในการทำสงครามเป็นครั้งแรกในเอเชีย ก่อนหน้าที่อเมริกาจะใช้สารเคมีอันตรายต้องห้ามที่เรียกว่า “ฝนเหลือง”ในสงครามเวียตนามในอีกประมาณ 40 ปีต่อมา
แน่นอนว่า เจอไม้นี้ของญี่ปุ่นเข้าไป ชนเผ่าซีดดิคซึ่งมีเพียงอาวุธทันสมัยที่สุดก็คืออาวุธที่ปล้นมาจากกองทัพญี่ปุ่นเท่านั้น ก็มองไม่เห็นหนทางที่จะต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นได้เลย
ฉากสุดท้ายของชนเผ่าซีดดิค และ โมนา รูดาโอ หัวหน้าเผ่า จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในสัปดาห์หน้าครับ