ซอกซอนตะลอนไป (3 มีนาคม 2567)
มหาราชา-นาวาบ-และนิซาม คนแปลกคน(ตอน9)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ผมได้เล่าเรื่องราวของ มหาราชา และ นิซาม ไปหลายตอน สำหรับตำแหน่งนาวาบ ผมจะเล่าต่อในโอกาสต่อไปครับ
เพราะทั้งมหาราชา และ นิซาม เป็นตำแหน่งเจ้าชีวิตของคนทั้งแผ่นดิน จึงทำให้พระองค์มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก มากจนเข้าข่ายหลงตัวเองได้ จนไม่ฟังเสียงทัดทานจากใครทั้งสิ้น
เพราะบุคลิคภาพแบบนี้นี่เอง ทำให้การลงเอยของคนเหล่านี้ไม่ค่อยสวยนัก
ขอเริ่มด้วย มหาราชาไจ ซิงห์ พราบฮาการ์ ผู้เป็นมหาราชาของรัฐเจ้าชายแห่งอัลวาร์ ผู้มีวีรกรรมที่สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่บริษัทรถยนตร์ยักษ์ใหญ่ โรลลส์ รอยส์ ของอังกฤษมาแล้ว ด้วยการสั่งซื้อรถยนต์รวดเดียว 3 คัน เพื่อเอาไปทำเป็นรถกวาดขยะ
พระองค์ดำรงตำแหน่งมหาราชาแห่งอัลวาร เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1892 ขณะที่มีอายุได้เพียง 10 ขวบเท่านั้น และครองราชอยู่นาน 45 ปี จนถึงปี 1937 หลังจากที่ถูกบีบให้จำต้องสละราชบัลลังก์ให้แก่ญาติของพระองค์ เทจ ซิงห์ พราบฮาคาร์ บาฮาดูร์ (TEJ SINGH PRABHAKAR BAHADUR) ขึ้นดำรงตำแหน่งมหาราชาคนต่อไปแทน
ทั้งๆที่ในขณะนั้นพระองค์มีอายุเพียง 54 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังมีสุขภาพแข็งแรงเพียงพอที่จะครองราชต่อได้อยู่
ว่ากันว่า พระองค์เป็นคนฉลาดที่ได้รับการศึกษาสูงในแบบของอังกฤษ ทรงพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และ จัดว่าพระองค์เป็นคนมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
แต่อาจจะเป็นเพราะขึ้นครองราชตั้งแต่ยังเด็กขณะอายุเพียง 10 ขวบ พระองค์จึงอาจจะพลาดโอกาสในการฝึกงาน หรือ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ สะสมคุณสมบัติของการเป็นมหาราชา หรือ ผู้ปกครองที่ดีก่อนที่จะขึ้นครองราช
พระองค์จึงมีบุคลิคแบบ “ห้าวเป้ง” ไม่ใคร่ยอมใคร และ ไม่ค่อยเปิดรับฟังความคิดเห็นของใครก็ตามที่ไม่เหมือนกับพระองค์
นอกจากวีรกรรมของการซื้อรถโรลลส์ รอยส์ ขณะที่พระองค์มีอายุ 38 ปีแล้ว พระองค์ยังสร้างความปวดหัวให้แก่บรรดาผู้ปกครองชาวอังกฤษทั้งหลายอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการเจรจาเพื่อนำไปสู่การประกาศอิสรภาพของอินเดีย
ในที่สุด ฟางเส้นสุดท้ายของความอดทนของอังกฤษก็มาถึง
มหาราชา แห่ง อัลวาร์ ทรงเกลียดหมาเป็นอย่างมาก อาจเรียกได้ว่า “ขยะแขยง” ด้วยซ้ำ พระองค์จะไม่ยอมให้ใครนำหมาเข้ามาในพระราชวังของพระองค์โดยเด็ดขาด
เรื่องนี้ ใครที่เกลียดกลัวหมา หรือ มีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากหมา หรือ เป็นคนแพ้ขนหมา แพ้กลิ่นของหมา ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจได้
แต่พระองค์เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่เกลียดหมาอย่างเข้ากระดูกดำก็ว่าได้ ซึ่งไม่ผิด
เหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ปรากฎข้อมูลว่าเกิดขึ้นในปีไหน เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมระดับสูง ซึ่งยากที่คนนอกจะเข้าไปรับรู้ได้ และไม่มีสื่อมวลชนไหนที่จะเป็นสักขีพยานได้เหมือนปัจจุบันนี้
แต่น่าเชื่อได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างปี 1931 ถึง 1936
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ในสัปดาห์หน้าครับ