ซอกซอนตะลอนไป (31 ธันวาคม 2566)
ทฤษฎีพิสวงอียิปต์โบราณ (ตอน4-จบ)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
หลังการตายของท่านเอิร์ล แห่ง คาร์นาร์วอน เรื่องร่ำลือเกี่ยวกับอาถรรพณ์คำสาปของฟาโรห์ตุตันคามุนก็แพร่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ขอนำเรื่องเล่าต่างๆมาเรียบเรียงให้ฟังกัน
เล่ากันว่า ก่อนหน้าคาร์นาร์วอนจะเสียชีวิต 2 สัปดาห์ มารี คอเรลลี(MARIE CORELLI) ได้เขียนจดหมายไปตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ชื่อ NEW YORK WORLD ซึ่งเข้าใจว่าเป็นแม็กกาซีนเล็กฉบับหนึ่ง เธอได้พูดถึง “การลงโทษที่ร้ายแรง” จะมีผลต่อผู้รุกรานสุสานของฟาโรห์
ซึ่งหมายถึง สุสานแห่งนี้ ตกอยู่ภายใต้คำสาปของฟาโรห์ที่จะมีผลรุนแรงต่อผู้รุกล้ำเข้าไปในสุสานของพระองค์
นอกจากนี้ ยังมีการร่ำลือว่า อาร์เธอร์ วีกัลล์(AUTHUR WEIGALL) ซึ่งเป็นผู้สือข่าวคนหนึ่งที่ได้เข้าไปในสุสานของตุตันคามุนด้วยได้เล่าว่า คาร์นาร์วอน หัวเราะอย่างมีความสุข และ ได้พูดล้อเล่นกับบรรดาคนที่เข้าไปด้วยกันในสุสาน
วีกัลล์ บอกว่า เขาได้กระซิบบอกกับ เอ็ช วี มอร์ตัน(H.V.MORTON) ผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่งว่า
“ผมให้เวลา(คาร์นาร์วอน) อีก 6 สัปดาห์ที่จะยังมีชีวิตอยู่”
แม้ว่า คาร์นาร์วอนจะเสียชีวิตหลังจากการเข้าไปในสุสานกว่า 12-14 สัปดาห์ก็ตาม แต่ผู้เสพข่าวส่วนใหญ่ก็มักจะปักใจเชื่อแบบนั้นไปแล้ว
หลังการเสียชีวิตของ คาร์นาร์วอน อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์(ARTHUR CONAN DOYLE) ผู้เขียนนวนิยายสืบสวนชื่อดังเรื่อง เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การตายของคาร์นาร์วอน เป็นผลมาแต่คำสาปของนักบวชผู้ดูแลรักษาสุสานของตุตันคามุนจากอีกมิติหนึ่งมาสู่โลกปัจจุบัน
เมื่อคนอย่าง อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ ให้ความเห็นแบบนี้ ผู้คนก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือจึงถูกโหมกระพือออกไปราวกับไฟไหม้ป่า
ประกอบกับข่าวลือว่า บรรดาคนงานจำนวนมากที่เข้าไปช่วยกันขนทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ออกมาจากสุสาน ทะยอยล้มตายไปทีละคนสองคน ด้วยอาการลึกลับ หรือ จากโรคที่หาคำอธิบายไม่ได้ แต่จะเริ่มจากอาการไข้สูง แล้วพัฒนากไปเป็นโรคปอดบวม และ เสียชีวิตในเวลา
ไม่มีข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตเหล่านี้ตายด้วยโรคอะไร อาจเป็นเพราะคนเหล่านี้เป็นคนงานชาวอียิปต์ที่เข้ามาช่วยเหลือแบบเฉพาะกิจ
คำสาปของฟาโรห์ตุตันคามุน จึงยังคงหลอกหลอนผู้คนอยู่เรื่อยเสมอมา
จนกระทั่ง วิทยาการสมัยใหม่มีความลึกซึ้งมากขึ้น และ การศึกษาที่ลงลึกไปหาเหตุผลการตายจากคำสาปของฟาโรห์ และมีข้อสันนิษฐาน และ ข้อสรุปว่า
ประการแรก เป็นไปได้ว่า ห้องที่ถูกปิดสนิทมานานกว่า 3300 ปี โดยไม่มีอากาศถ่ายเทเลย จึงเป็นไปได้ว่า แบคทีเรีย และ เชื้อโรคชนิดต่างๆอาจจะเจริญเติบโตขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อมนุษย์ชุดแรกเข้าไปสัมผัสกับอากาศดังกล่าว ก็อาจจะส่งผลต่อปอด หัวใจ และ โลหิตของเขาได้
กลายเป็นมัจจุราชที่มองไม่เห็น
ในวันแรกที่เข้าไปในสุสานแห่งนี้ นักโบราณคดีพบกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่แห้งสนิทจนกรอบยุ่ยสลายแล้ววางอยู่
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้บอกว่า ดอกไม้ชนิดนี้ตอนที่ยังสดจะไม่ก่อปัญหาใดๆกับมนุษย์ แต่เมื่อมันแห้งสนิท เกสรของดอกไม้จะเป็นเสมือนยาพิษที่ร้ายแรง หากใครบังเอิญสูดละองเกสรนี้เข้าไป
ซึ่งในวันนั้น เมื่อคนงานเดินเข้าเดินออกในสุสาน ทำให้เกิดอากาศหมุนวน และ ละลองเกสรที่ว่านี้ก็ล่องลอยไปในอากาศ ใครโชคร้ายที่สูดเอาละอองเกสรนี้เข้าไป ก็อาจเสียชีวิตได้
สรุปแล้ว คำสาปของฟาโรห์ จึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เมื่อเอาแต่งเติมเหมือนขนมจีนผสมกับน้ำยา จึงเป็นเรื่องสนุกที่สยองขวัญสำหรับคนสายมูได้เป็นอย่างดี
อันที่จริงยังมีนิทานสยองขวัญเกี่ยวกับคำสาปของฟาโรห์อีกมากมาย แต่เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
ท่านที่สนใจร่วมเดินทางเจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน ระหว่างวันที่ 7-16 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นทริปสุดท้ายของฤดูกาลนี้ กับผม สามารถติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498 จะปิดกรุ๊ปวันที่ 6 มกราคมนี้ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ พบกันใหม่ปีหน้า 2567 ครับ