สินค้าคุณธรรมของตระกูลตาต้า

ซอกซอนตะลอนไป                           (25 กันยายน 2565)

สินค้าคุณธรรมของตระกูลตาต้า

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               หลายเดือนก่อน  ผมอ่านพบข่าวที่น่าจะเป็นของกระทรวงสาธารณสุขไทยบอกว่า  คนไทยกินเค็มมาก  มากเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดถึง 2 เท่า

               ที่ว่ากินเค็มมากเกินนั้นหมายความว่า  บริโภคโซเดียมมากเกินไปนั่นเอง   เพราะโซเดียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของ “เกลือ” ทั้งเกลือสมุทร และ เกลือสินเธาว์

               ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกกำหนดว่า  มนุษย์ควรจะบริโภคเกลือไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน   แต่คนไทยบริโภคเกลือ หรือ โซเดียม อยู่ในปริมาณ 10 กรัมต่อวันโดยเฉลี่ย

               ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า  การบริโภคโซเดียมมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น  โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ  ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง  คนอ้วน  และ  ผู้ป่วยเบาหวาน

               ผลจากการมีความดันโลหิตสูงเกิน จะเกิดผลเสียต่อหลอดเลือดในอวัยวะต่างๆ  เช่น  หัวใจ  และ สมอง ทำให้หลอดเลือดตีบตัน  โรคอัมพฤกษ์  อัมพาต

               ซึ่งก็ไม่ต่างจากชาวอินเดีย ที่บริโภคเกลือมากเกินมาตรฐานเหมือนกัน   เพราะชาวอินเดียก็บริโภคเกลือโดยเฉลี่ยประมาณ 10 กรัมต่อคนต่อวันเช่นกัน  หรือ เป็นสองเท่าของมาตรฐานที่องค์กรอนามัยโลกกำหนด  


(อาหารอินเดียที่มีรสชาติเค็มนำ ไม่เหมือนอาหารไทยที่เต็มไปด้วยรสชาติ  หวาน  เค็ม- ภาพจาก GETTY IMAGE)

               ทำให้ชาวอินเดียมีปัญหาที่เกิดจากภาวะบริโภคเกลือเกินขนาดที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ   เพราะอาหารอินเดียโดยทั่วไปจะมีเพียงแค่รสชาติเค็มนำเท่านั้น   ไม่มีรสเปรี้ยว  หวาน  แบบอาหารไทย  เช่นเดียวกับอาหารของชาติยุโรป  

               ยกเว้นของหวาน ซึ่งก็จะหวานสุดๆเหมือนกัน

               การแก้ปัญหาการทานอาหารเค็มเกินไป  ทางแก้ที่คิดแบบกำปั้นทุบดินก็คือ  อย่าใส่เกลือ หรือ พวกซ็อสปรุงรสเข้าไปในอาหารมากเกินไป   ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำได้ยาก

               แต่นักโภชนาการก็มีทางออกให้  ด้วยการแนะนำให้บริโภคโซเดียมคู่กับ โปตัสเซียม  แบบที่นักโภชนาการใช้ศัพท์ว่า  โซเดียมโปตัสเซียม บาลานส์ (SODIUM POTASSIUM BALANCE)

               หลักการก็คือ  เพิ่มสารโปตัสเซียม ให้มากขึ้นเพื่อให้ไปถ่วงน้ำหนักกับโซเดียม    เพราะโปตัสเซียมสามารถลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ และ โรคเส้นเลือดในสมอง ที่เกิดจากความดันโลหิตสูงลงได้

               แล้วจะทานยังไง ให้สมดุลย์

               ว่ากันว่า   ขนาดที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์จากการบริโภคเกลือก็คือ  ต้องทานโซเดียม ที่มีส่วนผสมของโปตัสเซียมในอัตรา 1 ต่อ 3  หมายความว่า  อัตราของโซเดียม 1 ส่วน กับ โปตัสเซียม 3 ส่วน


(เกลือที่บริษัทตาต้าผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยคนที่บริโภคโซเดียมมากเกินไป)

               แล้วชาวบ้านชาวช่องจะทำอย่างไร  ถึงเอาจะเอาเกลือที่ซื้อมาผสมกับโปตัสเซียมให้ได้อัตราที่เหมาะสม

               บริษัท ตาต้า ในส่วนที่ทำธุรกิจสารเคมี จึงได้ออกสินค้าเพื่อจะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เกลือที่ผ่านการจัดการส่วนผสมของโซเดียม และ โปตัสเซียม เพื่อลดผลร้ายต่อร่างกายให้น้อยที่สุด  เรียกว่า  SODIUM POTASSIUM BALANCE


(รายละเอียดด้านหลังของถุงบรรจุเกลือที่ระบุส่วนผสมของสารต่างๆ)

               ด้วยการผสมสารโปตัสเซียม จำนวนที่พอเหมาะ  แม้ว่าจะไม่เท่ากับอัตราที่องค์การอนามัยโลกกำหนด  เพราะอาหารอื่นๆที่บริโภคในแต่ละวันอาจจะมีโปตัสเซียมเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว  เช่น  กล้วยหอม

               ใครสนใจเกลือของตาต้า  คงจะต้องสั่งซื้อจากอินเดีย  หรือ  ฝากเพื่อนซื้อครับ

               เพราะผมพยายามเดินหาเกลือที่ขายอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านที่มีส่วนผสมดังกล่าว  แต่ไม่พบแม้แต่ตัวเดียวครับ  พบแต่ที่โฆษณาว่า  ผสมไอโอดีนเท่านั้น  

               นี่คือเหตุผลเล็กๆอีกเหตุผลหนึ่งที่ตระกูลตาต้า ได้รับการยกย่องว่า  เป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีพ่อค้าผู้มีคุณธรรม

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .