ซอกซอนตะลอนไป (20 มีนาคม 2565)
กว่าจะเป็นวันภาษาแม่นานาชาติ(ตอน3)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
เวลาผ่านมาจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ระหว่างนั้น ชาวอินเดียเริ่มตระหนักถึงความไม่เป็นธรรมของอังกฤษที่ปฎิบัติต่อตนเองมากขึ้น จึงเกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านชาวอังกฤษขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
แต่ก็ถูกปราบปรามลงได้ทุกครั้ง
อังกฤษเริ่มสังเกตเห็นว่า การลุกฮือต่อต้านอังกฤษทุกครั้ง มักจะมีประชาชนจากรัฐเบงกอลมาร่วมด้วยเสมอ รัฐบาลอังกฤษจึงเริ่มคิดหาวิธีที่จะกำหราบชาวเบงกอล
ตอนนั้น เบงกอลมีฐานะเป็น เบงกอล เพรสซิเดนซี่ ประกอบด้วยรัฐโอดิสสา , รัฐพิหาร , บางส่วนของรัฐชาร์ตติสการ์ห และ รัฐอัสสัม ถือเป็นจังหวัดของอังกฤษในอินเดียที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุดถึง 78 ล้านคน และแน่นอนว่า เป็นจังหวัดที่ให้ผลผลิตมากที่สุดด้วย
ปีค.ศ. 1905 อังกฤษก็คิดแผนการที่แยบยลได้ที่เรียกว่า แบ่งแยกแล้วปกครอง
อังกฤษตัดสินใจแบ่งรัฐเบงกอลออกเป็นสองส่วน เป็นเบงกอลตะวันออก และ เบงกอลตะวันตก ด้วยการอ้างเหตุผลว่า เพื่อจัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบ โดยแยกพื้นที่มีชาวมุสลิมอาศัยเป็นส่วนใหญ่ออกจากพื้นที่ที่มีชาวฮินดูอาศัยเป็นส่วนใหญ่ออกจากกัน เพื่อสะดวกแก่การปกครอง
สุดท้ายก็ได้ เบงกอลตะวันออก ที่มีชาวมุสลิมอาศัยเป็นส่วนใหญ่ และ เบงกอลตะวันตกที่มีชาวฮินดูอาศัยเป็นส่วนใหญ่
ผู้ที่คิดแผนการนี้ และ ดำเนินการจนสำเร็จก็คือ ท่านลอร์ด เคอร์ซอน(LORD CURZON) ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนในแผ่นดินอินเดีย(VICEROY OF INDIA)
การแบ่งดินแดนในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากชาวมุสลิม และ นาวาบ ซัลลิมุลลาห์ แห่ง ดักกา ผู้ปกครองที่นับถือศาสนาอิสลาม ในขณะที่ชาวฮินดูเกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วย
เนื่องจากได้รับการต่อต้านอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษที่นับวันจะแข็งแกร่งมากขึ้น การแยกดินแดนดังกล่าวในปีค.ศ. 1905 จำต้องยกเลิกไปในปี ค.ศ. 1911 โดยลอร์ด ฮาร์ดินจ์ (LORD HARDINGE) เพื่อลดแรงกดดันของชาวฮินดูที่พูดภาษาเบงกาลีให้น้อยลง
กระนั้น ผลพวงจากการแยกดินแดนเป็นสองเบงกอลดังกล่าว ได้กลายมาเป็นแนวทางในการแบ่งแยกดินแดนปากีสถานตะวันออก ออกไปจากอินเดียในปีค.ศ. 1947
จะเห็นว่า ประชากรส่วนใหญ่ในรัฐเบงกอลทั้งตะวันออก และ ตะวันตก ต่างก็คุ้นเคยกับการใช้ภาษาพูดเบงกาลีมานานหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม
เริ่มตั้งแต่นาวาบของ จักรพรรดิ จาฮังกีร์ เข้ามาปกครองดินแดนที่ห่างไกล เขาต้องการจะสร้างผลงานให้เข้าตาจักรพรรดิ ด้วยการใช้นโยบายบังคับให้ผู้คนในพื้นที่ให้เปลี่ยนศาสนาจากศาสนาฮินดูมาเป็นศาสนาอิสลาม
แต่การบังคับนี้ กระทำได้แต่กับคนยากไร้ ที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ชาวไร่ชาวนาเท่านั้น แต่กับคนที่มีฐานะดี และ มีการศึกษา เขาจะไม่ยอม
ชาวไร่ชาวนาไร้การศึกษาเหล่านี้ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จึงยากที่จะศึกษาภาษาอูร์ดู ไม่ต้องพูดถึงภาษาอารบิค ซึ่งยากกว่า
คนเหล่านี้จึงยังมีภาษาเบงกาลีฝังอยู่ในสายเลือดของตัวเองมาตลอด
ปีค.ศ. 1948 หนึ่งปีหลังจากการสถาปนาประเทศปากีสถานแล้ว รัฐบาลปากีสถานที่กรุงการาจี ก็ประกาศให้ภาษาอูร์ดู เป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียวของปากีสถาน ทำให้ชาวปากีสถานตะวันออก ซึ่งเคยใช้ภาษาเบงกาลีเป็นหลักมาช้านาน และ ไม่เข้าใจภาษาอูร์ดูเลย ได้รับความลำบาก และ เดือดร้อนมาก
เหตุการณ์จะพัฒนาไปในทางใด โปรดติดตามในสัปดาห์หน้าครับ