ซอกซอนตะลอนไป (17 ตุลาคม 2564)
จากพิธี รถะ ยาตรา ของฮินดู ย้อนกลับไปสู่พิธีโอเปต ของอียิปต์โบราณ(ตอน6-จบ)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
เมื่อเรือไม้ที่บรรจุรูปเคารพของเทพอามุน-รา ถูกนำลงไปในเรือที่ใหญ่กว่าในแม่น้ำไนล์
เรือลำนี้จะได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยหรู หัวเรือ และ ท้ายเรือ จะตกแต่งเป็นรูปหัวแพะ ซึ่งเป็นรูปลักษณ์หนึ่งของเทพอามุน-รา มีชื่อเรียกด้วยภาษาเฮียโรกลิฟ ว่า อูเซอร์ฮัท-อามุน(USERHAT-AMUN) ที่แปลว่า หัวเรือที่ทรงพลัง คือ เทพอามุม
พลเรือจะโยงเชือกจากตลิ่งมาที่เรือ แล้วค่อยๆลากเรือลำนี้ทวนน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือของวิหารลักซอร์
จากนั้น บรรดานักบวชก็จะช่วยกันแบกเรือที่ประทับของเทพอามุน-รา เดินเข้าไปในวิหารลักซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เทพอามุน-รา จะประทับเพื่อฮันนีมูนกับมเหสีของพระองค์เป็นระยะเวลาหนึ่ง ช่วงเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามรัชสมัยของฟาโรห์แต่ละองค์
กล่าวคือ ในสมัยของฟาโรห์ ธุทโมเซส ที่ 3 ปี 1458-1427 ก่อนคริสตกาล มีการเฉลิมฉลองกันนาน 11 วัน แต่เมื่อมาถึงสมัยของ ฟาโรห์รามเซสที่ 3 ปี 1187 ก่อนคริสตกาล พระองค์ก็ให้ขยายวันเฉลิมฉลองออกไปเป็น 24 วัน และ ต่อมาก็ขยายออกไปเป็น 27 วัน
ที่น่าสนใจก็คือ ผู้ทำหน้าที่แบกเรือนี้ จะเป็นนักบวช กับ ฟาโรห์เท่านั้น ชนชั้นอื่นๆของสังคมไม่มีสิทธิ์เด็ดขาด อย่างเก่งก็ได้แต่นั่งชมขบวน เช่น บรรดานายทหารชั้นสูง
ถ้าเปรียบกับสังคมของฮินดูโบราณก็คือ ผู้มีหน้าที่ขับเคลื่อน ราชรถ จะเป็นของชนชั้นวรรณะพราหมณ์ และ วรรณะกษัตริย์ เท่านั้น
นอกจากข้อมูลที่บอกว่า พิธีโอเปต เป็นการฮันนีมูนของเทพอามุน-รา กับมเหสีมุทแล้ว ต่อมาก็มีแนวคิดใหม่บอกว่า เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟาโรห์โดยตรง
เพราะเมื่อขบวนเรือแห่มาถึงวิหารลักซอร์ ซึ่งฟาโรห์จะมารออยู่แล้ว หรือ อาจจะมาพร้อมกับขบวนแห่ ฟาโรห์ ก็จะเข้าไปในห้องประสูติ (BIRTH ROOM) พร้อมกับเทพอามุน-รา
จากนั้นก็จะเป็นพิธี แต่งงาน ระหว่างฟาโรห์ และ เทพอามุน-รา (ยืนยันว่า พิมพ์ไม่ผิดครับ)
การแต่งงานครั้งนี้เพื่อยืนยันถึง ความอุดมพันธุ์ของฟาโรห์ และ เป็นการสถาปนาความเป็นผู้ปกครองอย่างถูกต้องตามกฎแห่งสวรรค์ในการปกครองอียิปต์ต่อไป คล้ายๆกับราชพิธี เฮบเสด(HEB SED) ที่กระทำกันที่ เมืองเมมฟิส เพื่อยืนยันว่า ฟาโรห์มีความสามารถในการปกครองแผ่นดินต่อไปอีก 30 ปี
เหตุผลที่บอกว่าพิธีโอเปต เป็นการยืนยันความอุดมพันธุ์ของฟาโรห์ก็เพราะจะกระทำกันในเดือนที่ 2 ของฤดูน้ำท่วม ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือนก็จะเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก ฟาโรห์ซึ่งได้รับการเคารพว่าเป็นบุคคลที่เทพเจ้าส่งมาปกครองแผ่นดิน ก็จะต้องเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นใจต่อประชาชนว่า ปีนี้ผลผลิตทางการเกษตรจะอุดมสมบูรณ์
คล้ายกับ พิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญของไทยในปัจจุบันนี้
เทพอามุน-รา จะประทับอยู่ในวิหารลักซอร์จนกระทั่งถึงกำหนดวันที่ต้องกลับไปยังวิหารคาร์นัคของพระองค์ คราวนี้ขบวนเรือของอามุน-รา จะเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง โดยจะเดินทางกลับทางพื้นดิน
ขบวนจะแห่แหนกันไปตามถนนสฟิงซ์ ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลอียิปต์กำลังขุดค้นบูรณะให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิมให้มากที่สุดตลอดระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร และดูเหมือนจะบูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมเปิดให้ประชานเดินชมได้
ระหว่างทางดังกล่าว จะมีศาลเจ้าขนาดเล็กวางเรียงรายข้างถนนเป็นระยะๆ ว่ากันว่า เพื่อให้ขบวนได้มีโอกาสพัก และ นักบวชจะสามารถทำพิธีบูชาเทพเจ้าที่อยู่ในศาลเจ้าดังกล่าวได้
ลองหลับตานึกภาพดูนะครับว่า บรรยากาศของการเฉลิมฉลองในยุคนั้น จะมีความคึกคัก สนุกสนานกันสักแค่ไหน ทั้งเสียงดนตรี และ เสียงสวด จะช่วยทำให้ผู้มาร่วมพิธีมีความรู้สึกเหมือนได้อยู่ร่วมกับเทพเจ้าจริงๆเลยทีเดียว
ถนนสายนี้จะตัดตรงจากวิหารลักซอร์ ไปเข้าทางประตูด้านข้างของวิหารคาร์นัค จากนั้น เรือที่ประทับของเทพอามุน-รา ก็จะถูกแบกกลับไปประดิษฐานในห้องศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เป็นอันจบพิธี และ สิ้นสุดการฮันนีมูนของเทพอามุน-รา กับ มเหสีมุท
ท่านผู้อ่านคงจะเห็นแนวคิดที่คล้ายกัน พิธีกรรมที่เหมือนกันของพิธี รถะ ยาตรา ของฮินดู กับ เทศกาลโอเปต ของอียิปต์โบราณ ทั้งๆที่ประเทศทั้งสองอยู่ห่างไกลกันหลายพันกิโลเมตร
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากทีเดียว
ผู้สนใจจะเดินทางไปเที่ยวชม อินเดีย , อียิปต์ , ตุรกี และ ประเทศอื่นๆที่เต็มไปด้วยอารยธรรม แบบเจาะลึกจริงๆกับผม โปรดรอสักนิดนะครับ เมื่อรัฐบาลเปิดให้เดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวในตอนกลับเข้าประเทศ เราจะเดินทางไปด้วยกันครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
ท่านผู้อ่านสามารถอ่านบทความ “ซอกซอนตะลอนไป” ย้อนหลังทั้งหมด 7 ปี สามารถไปที่ www.whiteelephanttravel.co.th แล้วไปที่ blog “ซอกซอนตะลอนไป” ได้ครับ