ซอกซอนตะลอนไป (20 ธันวาคม 2563)
แม้แต่เทพเจ้า ก็หนีกรรมไม่พ้น(ตอน1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
นักวิชาการหลายท่านบอกว่า ศาสนาฮินดูไม่ได้เป็นศาสนา แต่เป็นวิถีชีวิต เพราะศาสนาฮินดูไม่มีผู้ประกาศศาสนา หรือ แนวทางของศาสนาเพียงคนเดียว เช่นศาสนาอื่นๆ
แต่ศาสนาฮินดูประกอบด้วยคัมภีร์ บันทึก จารึก ตำนาน และ ประเพณี มากมายที่ถูกเขียนต่อๆกันมาหลายยุคหลายสมัย กินช่วงเวลานานนับพันๆปี
คัมภีร์พระเวท ซึ่งมีด้วยกัน 4 พระเวท ถือเป็นคัมภีร์หลักที่สำคัญที่สุดของศาสนาฮินดู ก็เขียนขึ้นในช่วงปี 1500-1300 ปีก่อนคริสตกาล หรือ ประมาณ 3500 – 3300 ปีที่แล้ว (ยังไม่นับช่วงเวลาที่ยังไม่มีการบันทึก)
เทียบได้กับยุคสมัยของ พระนางฮัทเชปสุท และ ฟาโรห์ ธุทโมเซส ที่ 2 -3 ของอียิปต์โบราณ
ส่วนคัมภีร์อุปนิษัท ซึ่งมีอยู่ 108 คัมภีร์เชื่อกันว่า ฉบับแรกๆ 5 ฉบับเขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาลโดย ฤษีวยาสา (VYASA) ส่วนฉบับอื่นๆ ก็เขียนไล่หลังกันมาเป็นลำดับ
แม้แต่ มหากาพย์สองเรื่องดังอย่าง มหาภารตะ(MAHABHARATA) กับ รามเกียรติ์(RAMAYANA) ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ศาสนาฮินดูด้วย
ดังนั้น ผู้รจนาพระคัมภีร์สำคัญเหล่านี้จึงมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แม้จะเชื่อกันว่า อดิ ชังคารา(ADI SHANKARA) เป็นคนแรกๆที่รวบรวมจารึกต่างๆเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครสามารถอ้างว่า นี่คือคัมภีร์ของแท้ที่ถูกต้อง หากใครอ้างเนื้อหาที่ไม่ตรงกับของตัวเอง ก็จะถือว่าเป็น ของปลอม หรือ พวกนอกรีต
เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และ ศาสนาพุทธ
แกนหลักของศาสนาฮินดู มีเทพเจ้าสำคัญอยู่ 3 องค์ เรียกว่า ตรีมูรติ ประกอบด้วย พระพรหม , พระวิษณุ และ พระศิวะ ต่างก็มีหน้าที่คอยดูแลความสงบสุข ให้มีธรรมะทั้งในโลกมนุษย์ และ โลกของเทพเจ้า
เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายๆอะไรก็ตามที่กระทบต่อความสงบสุขของชาวโลก เทพเจ้าก็จะต้องลงมาจัดระเบียบเสียใหม่
เทพเจ้าที่มักจะต้องลงมาจัดระเบียบโลกก็คือ พระวิษณุ ซึ่งจะต้องอวตารลงมาในรูปแบบต่างๆ ที่แตกต่างกันไป
ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู พระวิษณุมี 10 อวตาร เรียกว่า ดาสะอวตาร (DASHAVATARA) อันประกอบด้วย มัสยาอวตาร (MASYA) เป็นปลา , กุรมาอวตาร(KURMA) เป็นเต่า , วราหะอวตาร(VARAHA) เป็นหมูป่า , นรสิงห์อวตาร(NARASIMHA) เป็นคนครึ่งสิงโต , วามานา อวตาร(VAMANA) เป็นพราหมณ์แคระ , ปะระสุรามอวตาร(PARASHURAMA) เป็นพราหมณ์นักรบ , รามาอวตาร(SRI RAM) เป็นพระราม ,กฤษณอวตาร(SRI KRISHNA) เป็นพระกฤษณะ , พุทธาวตาร์(GAUTOMA BUDDHA) เป็นพระพุทธเจ้า และ กาลกีอวตาร(KALKI) เป็นผู้ปราบกลียุค
ในบทความนี้ ผมจะขอเล่าเฉพาะอวตารของพระวิษณุ ที่เป็นพระราม และ อวตารที่เป็นพระกฤษณะ ส่วนอวตารอื่น ๆผมจะเล่าในตอนต่อๆไป
พระรามเป็นตัวละครเอกในมหากาพย์เรื่อง “รามเกียรติ์” เป็นฝ่ายธรรมะ คู่กับพระลักษณ์ และ หนุมาน
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ รามเกียรติ์ในภาคภาษาไทยมีรายละเอียดในเรื่องสำคัญหลายเรื่อง แตกต่างๆปจากรามเกียรติ์ภาคภาษาสันสกฤต สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของสังคมไทย หรือ ของผู้แปล หรือ ผู้ถ่ายทอด ว่าเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น สาเหตุที่ต้องใช้เขาพระสุเมรุ มาทำพิธีกวนเกษียณสมุทรเพื่อจะให้ได้น้ำอมฤตนั้น ไม่ปรากฎในรามเกียรติภาคภาษาไทย
แต่ในภาคภาษาไทยเรื่องกลายเป็นว่า เนื่องเพราะเขาสุเมรุเอียงทรุดไป เพราะ รามสูรจับเอาอรชุนไปฟาดกับเขาพระสุเมรุ จนเขาพระสุเมรุเอียงทรุด ทำให้พาลี และ สุครีพต้องเข้ามาช่วยในการผลักดันให้เขาพระสุเมรุกลับไปตั้งตรงอีกครั้ง
นอกจากนี้ ชื่อของรามสูร ก็ไม่ปรากฎในภาคภาษาสันสกฤต แต่ท่านอาจารย์จีรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา ราชบัณฑิตประเภทวิชาวรรณศิลป์สาขาวิชาตันติภาษา สำนักศิลปกรรม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาภาษาบาลี สันสกฤต และ ฮินดี ได้ให้ความรู้แก่ผมว่า
รามสูร แท้จริงก็คือ ปะระสุราม (PARASHURAMA) อวตารลำดับที่ 6 ของพระวิษณุ ผู้มีฉายาว่า ผู้ฆ่ากษัตริย์ทั้งโลกที่ไม่อยู่ในคุณธรรม 21 ครั้ง ส่วนอรชุน ก็คือ กษัตริย์องค์หนึ่งมีนามว่า การ์ตะวียา อรชุน (KARTAVIRYA ARJUNA) แห่งราชวงศ์ เฮเฮยา(HEHEYA KINGDOM)) มีฉายาว่า กษัตริย์พันมือ เป็นกษัตริย์ชั่วร้ายที่ปกครองเมือง มาฮิชมาติ(MAHISHMATI) ปัจจุบันคือเมือง มาเฮสชวา (MAHESHWA)อยู่ในรัฐมัธยะประเทศ ภาคกลางของอินเดีย
คงต้องเล่าต่อในตอนหน้า รอติดตามครับ
สวัสดีครับ