ซอกซอนตะลอนไป (1 ธันวาคม 2562)
ส่องจอร์แดน ย้อนอดีต และ อารยธรรม(ตอน 1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ผมเขียนพ๊อคเก็ตบุ๊ค “ท่องโลกศิลปวัฒนธรรม กับ เสรษฐวิทย์ เล่ม 2 อียิปต์-กรีซ-ตุรกี” เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว พูดถึง ประเทศตุรกี ว่าเป็นแหล่งหลอมอารยธรรมหลากหลายของโลกตั้งแต่ยุคอดีตกาล วันนี้ จะขอนำเรื่อง เตาหลอมอารยธรรมอีกแห่งหนึ่งของโลกมานำเสนอครับ
ประเทศจอร์แดน
จากแผนที่ก็จะเห็นว่า จอร์แดนตั้งอยู่บนเส้นทางเชื่อมระหว่าง อียิปต์ กับ ตุรกี ซึ่งตุรกีถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดอีกแหล่งหนึ่งของโลก ที่รู้จักกันดีก็คือ อารยธรรมฮิตไทต์(HITTITES CIVILIZATION)
อารยธรรมฮิตไทต์ ก่อกำเนิดขึ้นแถบลุ่มแม่น้ำแดง ภาคกลางของอนาโตเลีย ใกล้เมืองอังการา เมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน
ในช่วงที่อาณาจักรฮิตไทต์ ผงาดขึ้นมาในราว 1400 – 1300 ปีก่อนคริสตกาล ตรงกับยุคอาณาจักรใหม่ของอียิปต์โบราณ สมัยของพระนางฮัทเชปซุท เรื่อยลงมาจนถึง ฟาโรห์รามเซส ที่ 2 เพราะเป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี่ จากยุคบร็อนซ์ มาสู่ยุคเหล็ก
นักวิชาการบางท่านระบุว่า พัฒนาการของยุคบรอนซ์มาสู่ยุคเหล็ก ก็คือการล่มสลายของอารยธรรมอียิปต์โบราณ
ในช่วงเวลาดังกล่าว อียิปต์ได้ยกทัพขึ้นไปทำสงครามกับอาณาจักรฮิตไทต์ซึ่งยกทัพมายันตรงบริเวณพรมแดนของฮิตไทต์ และเกิดปะทะกันตรงบริเวณที่เป็นประเทศซีเรียในปัจจุบันนี้ ตรงจุดที่เรียกว่า เมืองคาร์เดช (KADESH)
เป็นสงครามครั้งสำคัญของฟาโรห์ รามเซส ที่ 2 (RAMSES II)กับ กษัตริย์ มูวาทัลลี ที่ 2 (MUWATALLI II) ที่รามเซส ที่ 2 มีความภูมิใจมาก เพราะพระองค์ประกาศว่า เป็นสงครามที่พระองค์ได้ชัยชนะเหนือกองทัพของอาณาจักรฮิตไทต์ ตามที่มีจารึกบนผนังของวิหารอาบู ซิมเบล และ บนผนังกำแพง ที่วิหารลักซอร์
แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในขณะเดียวกัน ก็มีจารึกของฝ่ายฮิตไทต์ที่ระบุว่า พวกเขาเป็นฝ่ายมีชัยเหนือรามเซส ที่2 ด้วยเช่นกัน จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า ใครเป็นฝ่ายได้ชัยชนะกันแน่
หลังจากนั้น ในภูมิภาคแถบซีเรีย ก็กลายเป็นสนามรบของอียิปต์กลายๆ ฟาโรห์หลายพระองค์เคยเดินทางมาทำสงครามแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็น ธุทโมเซส ที่ 3 และ รามเซส ที่ 3 ฯ เป็นต้น
การเดินทางมาทำสงครามที่คาเดช ต้องทัพเดินผ่าน จอร์แดน
หลังจากนั้น โมเสส ก็นำพาชาวยิวอพยพอกจากเมือง พี ราเมเส (PI RAMESE)ทางตอนเหนือของอียิปต์ เพื่อเดินทางไปหาดินแดนแห่งน้ำผึ้งและน้ำนม ที่พระเจ้าสัญญาว่าจะมอบให้ เดินทางรอนแรมหลายสิบปีจนถึงจอร์แดน บนเขามาดาบา และมองลงไปเห็นดินแดนที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้อยู่ในหุบเขาเบื้องหน้า
ดินแดนตรงนั้น ประมาณว่าคือประเทศอิสราเอล จนกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งจนทุกวันนี้
หลังจากนั้น เปอร์เชี่ยนก็ขยายอำนาจเข้ามาครอบคลุมตั้งแต่อียีปต์ไล่ขึ้นไป ผ่านอิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และ ตุรกี จากนั้น เปอร์เชี่ยน ก็ยกทัพข้ามทะเลไปทำสงครามกับชาวกรีก
อเล็กซานเดอร์ มหาราช ยกทัพมาเอาคืนต่อพวกเปอร์เชียน ยึดดินแดนทั้งหมดที่พวกเปอร์เชี่ยนเคยยึดครอง แล้วตะลุยต่อเข้าไปจนถึงเปอร์เชีย การเดินทัพก็ต้องผ่านจอร์แดน
หลังจาก พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน อาณาจักรของพระองค์ก็ล่มสลาย กลายเป็นอาณาจักรย่อยๆ ประวัติศาสตร์ก็ค่อยๆคลี่คลายเข้าสู่ยุคโรมันเรืองอำนาจ
จากยุคสาธารณรัฐโรมัน มาสู่ยุคอาณาจักรโรมัน และเปลี่ยนมาเป็น อาณาจักรโรมันไบแซนไทน์ ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่เมือง คอนสแตนติโนเปิล หรือ อีสตันบุลในปัจจุบัน
อาณาจักรไบแซนไทน์ขยายใหญ่มากจนทำร้ายตัวเอง เพราะผู้ปกครองไม่อาจควบคุมได้ทั่วถึง ประกอบกับมีนักรบมุสลิมที่ดุดัน บุกเข้ามาจากทางตะวันออก และสามารถยึดเมืองต่างๆเอาไว้ได้ทีละเมืองสองเมือง จนในที่สุดก็ยึดคอนสแตนติโนเปิล
และเป็นการปิดฉากการขยายตัวของศาสนาคริสต์ที่จะเข้ามาครอบครองพื้นที่ อนาโตเลีย และ ตะวันออกกลาง
กองทัพทั้งหมดก็ต้องเดินทางผ่านจอร์แดน
ปัจจุบัน จอร์แดนปกครองโดยกษัตริย์จากราชวงศ์ฮาสเชไมตส์(HASHEMITES) ซึ่งจากตำนานหรือเรื่องเล่าที่ยาวนานระบุว่า ราชวงศ์ฮาสเชไมตส์ สืบทอดมาจาก ฮาสชิม อิบน์ อับดฺ มานาฟ(HASHIM IBN ABD MANAF) ซึ่งเป็นปูทวดๆ ของศาสดาโมฮัมหมัด(ISLAMIC PROPHET MUHAMMAD) ของศาสนาอิสลาม
กษัตริย์ อับดุลลา ที่ 2 (ABDULLAH II) กษัตริย์องค์ปัจจุบันก็เป็นเชื้อสายราชวงศ์ ฮาสเชไมตส์ เช่นกัน
การเจาะลึกลงไปในจอร์แดน จึงเหมือนการเดินทางย้อนสู่อดีตอันยาวนานดินแดนแถบนี้
สำหรับท่านที่สนใจจะเดินทางไปเจาะลึกจอร์แดน กับผม ระหว่างวันที่ 10 – 17 มกราคม 2563 สามารถสอบถามหรือ สำรองที่นั่งได้ที่ 02 651 6900 หรือ 088 578 6666 หรือ LINE ID 14092498
กลับมาส่องจอร์แดนต่อในสัปดาห์หน้านะครับ