ซอกซอนตะลอนไป (13 สิงหาคม 2560 )
ทัวร์ไทย-เกาหลี ว่าด้วยทัวร์ศูนย์เหรียญ และขนคนหนีทัวร์(ตอน1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
หลายวันก่อน ผมได้คุยกับคุณ HONG JI HEE ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี และ ปัจจุบันเป็นรองประธานหอการค้าเกาหลี-ไทย ทำให้เห็นภาพการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลี กับ ไทยในอีกแง่มุมได้อย่างชัดเจนขึ้น
เมื่อประมาณ 20 -30 ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะเขาชอบประเทศไทย ชอบอาหารไทย และ ชอบคนไทย
เมื่อการท่องเที่ยวในไทยสำหรับคนเกาหลีเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีขบวนการจ้องหากินอย่างไม่ถูกต้องกับนักท่องเที่ยวเกาหลีขึ้นมา โดยชาวเกาหลี ที่ร่วมมือกับคนไทยบางส่วน
ด้วยการจับเอาตัวนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเป็นตัวประกัน
หลักการก็คือ เริ่มจากขายทัวร์ในราคาถูกๆจากเกาหลี เพื่อกวาดนักท่องเที่ยวจำนวนมากๆ ที่มองหาแต่ทัวร์ราคาถูก จากนั้น ก็เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างมากจนทัวร์มีราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็มีทัวร์ใหม่ที่เสนอราคาถูกกว่า และ จนในที่สุด ก็มีทัวร์ใหม่ๆยอมเสนอราคาที่ขายแบบขาดทุน
จนราคาทัวร์เกาหลีที่มาเที่ยวเมืองไทยรวมทุกอย่างตั้งแต่ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหารครบทุกมื้อ รถบัสรับส่ง มีโปรแกรมนำชม และ ไกด์ท้องถิ่นในราคาไม่ถึง 1 หมื่นบาท ทัวร์เหล่านี้จึงสามารถกวาดเอานักท่องเที่ยวมาอยู่ในมือของตัวเองอย่างมากมาย
ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า ขายทัวร์ในราคาขาดทุนแบบนี้ เขาจะเอารายได้มาจากไหน
เมื่อราคาขายถูกลงมาเรื่อยๆ ก็แน่นอนว่าคุณภาพก็ต้องลดลงเป็นลำดับ เช่น เดิมเคยมีไกด์ที่มีความรู้ มีบัตรไกด์ และพูดภาษาเกาหลีได้มาเป็นผู้บรรยาย ก็เลือกเอา SITTING GUIDE มาแทน
ความหมายของ SITTING GUIDE ก็คือ ไกด์ที่ไม่ต้องพูด แค่นั่งบนรถทัวร์อย่างเดียว นอกนั้น หัวหน้าทัวร์จากเกาหลีจะเป็นคนพูดแทนทุกอย่าง ค่าตัวของไกด์ประเภทนี้ เพียงแค่วันละ 500 บาทเท่านั้น ในขณะที่ไกด์อาชีพจะอยู่ที่ 3000 บาทโดยประมาณ
บางคนก็เรียก SITTING GUIDE ว่า ไม้กันหมา เพราะแค่เอาไว้แสดงตัวตอนที่ตำรวจท่องเที่ยวขึ้นมาตรวจว่า มีไกด์ไทยที่มีบัตรไกด์อยู่บนรถหรือเปล่าเท่านั้น
ซึ่งไกด์ที่ดีๆ และไม่เห็นแก่เงินจะไม่ยอมทำ ยกเว้นไกด์บางคนที่ไม่ค่อยมีงาน ก็จำต้องรับงานเป็นไม้กันหมาไปด้วยความจำใจ
จากอาหารที่มีคุณภาพ ก็ค่อยๆลดราคาลงจนแทบจะทานกันไม่ได้ ว่ากันว่า ราคาต่อหัวแค่ 3 – 5 เหรียญยูเอสเท่านั้น หรือ ประมาณ 100 -150 บาท
และแน่นอนว่า เขาก็จะต้องหาทางเอาทุนคืนให้ได้ด้วยการพาลงร้านช้อปปิ้งที่ร่วมมือในการขายของไม่มีคุณภาพ ร้านที่ทัวร์เหล่านี้พานักท่องเที่ยวไปฟัน ก็อาทิ ร้านยางู ยาเสือ ประมาณนี้
นอกจากนี้ ก็ยังพาไปนวดแผนโบราณ ซึ่งปกติราคา 300 บาท แต่ไกด์ทัวร์เหล่านี้ก็จะเรียกราคาสูงถึง 2500 บาท และ สารพัดอีกมากมาย
และเพื่อที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่รู้ราคาที่แท้จริงของสินค้าที่พวกเขาหลอกให้ลูกทัวร์ไปซื้อ เขาก็ต้องยื้อเวลาของนักท่องเที่ยวให้อยู่กับเขาจนดึกดื่นกว่าจะเข้าโรงแรมที่พัก และโรงแรมที่พักก็ควรจะต้องอยู่ห่างไกลสถานที่ช้อปปิ้งด้วย
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พวกไกด์มิจฉาชีพเหล่านี้ ยังหลอกนักท่องเที่ยวอีกว่า อย่าออกไปเดินตามถนนคนเดียวเด็ดขาด เพราะถนนในกรุงเทพอันตรายมาก อาจจะถูกจี้ปล้น หรือ ทำร้ายร่างกายได้
จึงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีคนไหนที่มากับทัวร์เหล่านี้ กล้าออกไปเดินทางถนนตามลำพัง
แต่ที่เป็นผลร้ายต่อประเทศอย่างมากก็คือ เมื่อนักท่องเที่ยวเหล่านี้กลับประเทศตนเอง ก็จะเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าต่อๆกัน จนกระทั่งแพร่หลายไปสู่สื่อมวลชน และทำให้ชาวเกาลีมีภาพพจน์ต่อประเทศไทยว่า
เป็นประเทศที่มีอาชญากรรมเต็มบ้านเต็มเมือง จนกระทั่งนักท่องเที่ยวไม่สามารถออกไปเดินตามถนนในเวลาค่ำคืนได้เลย
นี่คือสิ่งที่ทัวร์ราคาถูก หรือ ทัวร์ศูนย์เหรียญทำร้ายประเทศไทย
ทัวร์ราคาถูกของเกาหลีที่ทำร้ายประเทศยังไม่จบแค่นี้ ตอนหน้าจะมาว่ากันต่อครับ