“มหาราช”ผู้ไม่เคยใช้อาวุธฆ่าใคร

ซอกซอนตะลอนไป                           (21 ตุลาคม 2559)

“มหาราช”ผู้ไม่เคยใช้อาวุธฆ่าใคร

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ผมได้เขียนเรื่องราวของจักรพรรดิ  กษัตริย์  นักรบ ผู้ยิ่งใหญ่ของหลายชาติที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์โลก   บางคนได้รับสมญานามว่า “มหาราช”   แต่ “มหาราช” เหล่านั้น   ต้องทำสงคราม ต้องสังหารผู้คนมหาศาล  ต้องทำให้ครอบครัวจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระสานซ่านเซ็น กำพร้าพ่อ แม่ 

               และ  ยังทำให้คนจำนวนมหาศาลต้องตายเพราะไม่มีอาหารแม้แค่จะประทังความหิว  

               ไม่ว่าจะเป็น  อเล็กซานเดอร์ มหาราช  พระเจ้าอโศกมหาราช  พระนางแคทเธอรีนมหาราชแห่งรัสเซีย  สุลต่านสุไลมาน ผู้ยิ่งยงแห่งอาณาจักรออตโตมาน  เป็นต้น  

               คนเหล่านี้ได้สมญา “มหาราช” จากการสังหารผู้คนจำนวนมหาศาลด้วยกันทั้งสิ้น 

               พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  หรือ  “ในหลวง” ของคนไทย นั้น   โดยตำแหน่งของพระองค์ก็คือ  จอมทัพไทย  และได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระนาม “มหาราช” จากคนไทย  กลับไม่เคยฆ่าคนแม้แต่คนเดียว 

               เพราะศัตรูของพระองค์ไม่ใช่ “มนุษย์”  หากแต่เป็นความยากจน  ความหิวโหย  อดอยาก ของประชาชนของพระองค์นั่นเอง  

               แต่ศัตรูเหล่านี้ ล้วนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ  ลำพังแค่จะเดินทางเข้าไปให้ถึงก็ยังยากเย็นยิ่งนัก  บางแห่งไม่มีแม้ถนนคนเดิน   ต้องปีนเขา  ต้องลุยน้ำ กว่าจะไปถึงได้ 

               บางหมู่บ้าน   ไม่ปรากฎชื่ออยู่ในแผนที่ของทางราชการด้วยซ้ำ 

               พระองค์ต้องดั้นด้นเดินทางด้วยความยากลำบาก  แม้ในพื้นที่สีชมพู  โดยมีเพียง  แผนที่  กล้องถ่ายรูป  และ สมุดดินสอ  เป็นอาวุธ

               ตลอด 60 กว่าปีที่พระองค์ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อต่อสู้กับความอดอยาก  ความยากจน ของประชาชนของพระองค์นั้น   เพระองค์ทำเพียง 2 เรื่องเท่านั้น 

               คือ  เรื่องดิน  และ เรื่องน้ำ 

               เมื่อผืนแผ่นดินมีความเค็ม จนไม่สามารถเพาะปลูกได้  พระองค์ท่านก็ทรง “แกล้งดิน”  จนสามารถพลิกฟื้นแผ่นดินให้กลับมาใช้เพาะปลูกได้อีกครั้ง   

               เมื่อแผ่นถล่ม  แผ่นดินสไลด์จนหน้าดินสูญหายไป  พระองค์ท่านก็ทรงใช้หญ้าแฝก  พืชที่ไม่เคยมีใครให้ความใส่ใจมาก่อน  มาช่วยพยุงผืนแผ่นดินไม่ให้สลายหายไปในน้ำ

               เมื่อชาวบ้าน และ ชาวเขาในชนบทห่างไกล  เผาป่า  ทำไร่เลื่อนลอย  หรือทำไร่ฝิ่น  พระองค์ท่านก็ทรงแนะนำวิธีทำนาแบบขั้นบันได  แนะนำให้ปลูกกาแฟ  และ  ผลไม้เมืองหนาว  จนชาวเขาเหล่านี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น 

               บางพื้นที่ไม่มีน้ำ  พระองค์ก็ทรงวางแผนขุดคลองเข้ามาสู่พื้นที่นั้นๆ  ขุดสระเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามแล้ง   ทำให้ประชาชนมีน้ำใช้ตลอดปี

               เมื่อมีน้ำใช้  พระองค์ก็ทรงแนะนำให้เลี้ยงปลาพันธุ์พื้นบ้านที่เลี้ยงง่าย  โตเร็ว ให้ประชาชนสามารถพึ่งพาอาศัยตัวเองในการกินอยู่ได้

               ปีใดที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ  สวรรค์โกรธ  เทวดาแกล้ง ไม่ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล   พระองค์ก็ทรงทำหน้าที่ของ  “เทวดา” สร้างฝนเทียมให้แก่ประชาชนของพระองค์ได้ใช้  

               จนสามารถพลิกฟื้นแผ่นดินที่ครั้งหนึ่งเคยแห้งแล้ง  เพาะปลูกไม่ได้ ให้กลายมาเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง  ประชาชนสามารถมีชีวิตตามวิถี “พอเพียง” ที่พระองค์ท่านได้วางรากฐานความคิดไว้ให้

               แม้จะไม่สามารถขจัดความยากจนให้สิ้นไปจากประเทศไทยได้   แต่ประชาชนล้วนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นแบบพอเพียง 

               ราวปีพ.ศ. 2530  พระองค์ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนที่อำเภอสะเมิง หลายต่อหลายครั้ง  จนทำให้ได้รับเชื้อไมโครพลาสม่า  อันเป็นสาเหตุทำให้พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคพระทัยเต้นไม่เป็นปกติ  จนเกือบสิ้นพระชนม์ 

               แต่พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อ  หรือ  หยุดปฎิบัติภารกิจเพื่อต่อสู้กับความอดอยาก  ความยากจน ของประชาชนของพระองค์  จนถึงวันที่พระวรกายไม่อนุญาตให้พระองค์เดินทางอีก

               “มหาราช” จอมทัพไทย ผู้ไม่เคยฆ่าใครแม้แต่คนเดียว  ครอบครัวทุกครอบครัวยังกันอย่างพร้อมหน้า ด้วยใบหน้าอิ่มเอม และ สุขใจ   ด้วยมีกินมีอยู่ตามอัตภาพ 

               ความยากจน   ความอดอยาก  ความยากแค้น ถูกจอมทัพไทย สังหารไปมากมายนับไม่ถ้วน    การต่อสู้กับ ศัตรู ที่มิใช่แค่ศัตรูของคนไทยเท่านั้น  หากแต่เป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติของพระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากทั่วโลก  แม้กระทั่ง  องค์การสหประชาชาติ  

               60 ปี ที่พระองค์ทรงยืนหยัดต่อสู้  ไม่ใช่เพื่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย  

               ในอนาคต  อีกหลายๆชั่วคนลงไป  จนถึงรุ่นหลาน  เหลน  โหลน  หรือ อีกหลายร้อยปีข้างหน้า   จะไม่มีใครเชื่อว่า  ในโลกนี้เคยมีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่  ผู้เสียสละ ผู้ห่วงใยเพื่อนมนุษย์  เช่น  ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของคนไทยอีกแล้ว 

               ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย  ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   หากข้าพระพุทธเจ้า จะมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง  ก็ขอตั้งจิตอฐิษฐานให้เกิดมาเป็นประชาชนของพระองค์  เป็นข้ารองบาทของพระองค์ตลอดไป  

               ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ  

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *