ซอกซอนตะลอนไป (24 มีนาคม 2560)
ทัวร์นั่งรถสะสมไมล์(ตอน3)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวไทยก็คือ ไม่ค่อยอ่านโปรแกรมท่องเที่ยวให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์
เมื่อไม่อ่านให้ละเอียด จึงไม่มีคำถาม และจึงเปิดช่องให้ถูกหลอกได้ง่าย
ส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวไทยจะดูแค่ว่า ทัวร์กี่วัน กี่ประเทศเท่านั้น แล้วก็มักจะเปรียบเทียบทัวร์ที่มีจำนวนวันที่เท่ากันว่า อันไหนถูกหรือแพงกว่ากัน โดยไม่ดูรายละเอียดในทัวร์ว่า พักที่ไหน เข้าชมอะไรบ้าง และ ทานอาหารอย่างไร และเลือกซื้อเอาทัวร์ที่ราคาถูกที่สุด
จึงปรากฏทัวร์ เวนิส – สโลเวเนีย – โครเอเชีย – มอนเตเนโกร 5 คืน , โรม (อิตาลี) – สวิส – ออสเตรีย – เยอรมัน 5 คืน , ออสเตรีย – ฮังการี – สโลวัค – เชก 5 คืน ออกมาขายกันเยอะแยะมากมาย
โดยที่คนที่ซื้อทัวร์จะไม่ถามเลยว่า จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง หรือ จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง รถบัสต้องใช้เวลาวิ่งนานกี่ชั่วโมง
โปรแกรมทัวร์แบบนี้ มักจะมีวิธีเขียนที่ทำให้อ่านดูแล้วเหมือนแต่ละเมืองใกล้กันนิดเดียว ทั้งๆที่อยู่ห่างไกลกันมาก
นอกจากนี้ ในโปรแกรมทัวร์ที่ให้ระยะทางเอาไว้ เช่น ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ก็มักจะเขียนบอกว่า ใช้เวลาเดือนทางประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
เพราะรถบัสไม่สามารถทำความเร็วได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ตลอด ถนนในเมืองจะสามารถวิ่งได้ประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นอย่างเก่ง ยิ่งเป็นถนนที่ต้องขึ้นภูเขาก็จะยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก
ลำพังวิ่งรถไปตามไฮเวย์ ก็ต้องจอดให้นักท่องเที่ยวเข้าห้องน้ำทุกๆหนึ่งชั่วโมงครึ่งอยู่แล้ว และ การเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง ก็จะกินเวลาอย่างน้อย 20 นาที หากคนมากหน่อยก็อาจจะถึงครึ่งชั่วโมง
หากท่านผู้อ่านยังนึกภาพไม่ออกว่า การเที่ยว 4 ประเทศใน 5 คืน จะเป็นอย่างไร ผมขอให้ลองหลับตานึกภาพว่า หากท่านผู้อ่านบินไปลงที่สิงค์โปร์ตอนเช้า แล้วเริ่มเที่ยวสิงค์โปร 1 วัน พักค้างคืน 1 คืน จากนั้นเดินทางต่อไปมาเลเซีย 1 คืน แล้วขึ้นเหนือมาแวะกรุงเทพอีก 1 คืน ขึ้นเหนือไปหนองคายอีก 1 คืน แล้วปิดท้ายด้วยเวียงจันท์อีก 1 คืน
ท่านจะได้ชมอะไร จะได้เห็นอะไรหรือไม่
โอกาสที่จะเข้าไปชมพระบรมมหาราชวัง และ วัดพระแก้วนั้น ไม่ต้องหวังเลย เพราะเวลาไม่เพียงพอ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่บริษัทท่องเที่ยวเขาวางแผนเอาไว้แล้ว
เพราะยิ่งแต่ละวันนั่งรถนานแค่ไหน ก็จะยิ่งไม่มีโอกาสได้ชมอะไรเลย และการที่ไม่ได้ชมอะไรเลย ค่าใช้จ่ายของทัวร์ก็จะลดน้อยลงด้วย
แต่ละวันจึงมีเพียงแค่ค่าใช้จ่ายของ ค่าห้องพัก อาหาร 3 มื้อ ค่ารถบัส เท่านั้น
เมื่อไม่มีโปรแกรมเข้าชม หัวหน้าทัวร์จากประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องเอาคนที่มีความรู้ไปดูแล หยิบๆเอาใครสักคนก็ได้ขึ้นไปนั่งบนรถ คอยเปิดแผ่นซีดีเพลง หรือ หนัง ให้ลูกค้าดูเท่านั้น ไปถึงที่เข้าห้องน้ำก็ค่อยเรียกลูกค้าลงมาเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
ท่านผู้อ่านเชื่อมั้ยว่า ทัวร์ประเภทนั่งรถทั้งวัน ไม่ดูอะไรเลยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย , นักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ , นักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน , นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง , นักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน , นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย , นักท่องเที่ยวชาวตุรกี และ นักท่องเที่ยวชาวไทย
นักท่องเที่ยวบางประเทศ พอขึ้นรถก็สั่งให้ปิดม่านนอนทันที ไม่สนใจจะดูอะไรทั้งสิ้น
แต่นักท่องเที่ยวเหล่านี้ จะเน้นการช้อปปิ้งเป็นหลัก จึงเกิดทัวร์ศูนย์เหรียญขึ้น
ทัวร์ของประเทศจีนเที่ยวยุโรปในช่วงปีใหม่ 15 วัน ประมาณ 6 ประเทศ ราคาเพียง 6000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 30,000 บาทเท่านั้น
เขาทำได้ยังไง
คำตอบก็คือ นักท่องเที่ยวชาวจีนเหล่านี้ช้อปปิ้งกันคนละประมาณ 5 – 6 แสนหยวน รายได้ของทัวร์ก็มาจากคอมมิชชั่นของการช้อปปิ้งนั่นเอง
หากบริษัททัวร์ไม่สามารถหารายได้จากการช้อปปิ้ง ก็จะต้องลดคุณภาพลงมาเรื่อยๆ และ พยายามตัดบริการออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อาทิ ลดคุณภาพอาหาร ไม่รวมค่าวีซ่าซึ่งลูกค้าต้องจ่ายเอง ไม่รวมค่าทิป ไม่รวมค่าบัตรผ่านประตู เป็นต้น
ในที่สุด ทัวร์ไปท่องเที่ยวไปต่างประเทศของไทย ก็ค่อยๆกลายเป็นทัวร์ที่ไปนั่งรถสะสมไมล์ และ เข้าห้องน้ำเท่านั้น
ไม่ต่างอะไรกับทัวร์ของ อินเดีย , จีนแดง และ หลายๆประเทศข้างต้น
กว่าจะจบทัวร์ นักท่องเที่ยวแต่ละคนก็สามารถสะสมไมล์เอาไว้ได้คนละหลายพันทีเดียว
ผมนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่จะท่องเที่ยวในคราวต่อไปจะได้รู้วิธีการเลือกซื้อทัวร์ได้ แต่หากท่านคิดว่า ชอบซื้อทัวร์ถูกเพราะไม่อยากจ่ายแพง ก็ขอให้โชคดีนะครับ
ผมจะนำทัวร์ไปชม พิงค์มอส ดอกวิสทีเรีย เริ่มจากโตเกียวไปจบที่โอซาก้า ระหว่างวันที่ 9 – 15 พฤษภาคม นี้ ไหว้พระใหญ่ไดบุทซึคามาคุระ และอีกมากมาย สนใจสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ 02 651 6900 ครับ