“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 23)

ซอกซอนตะลอนไป                           (13 พฤษภาคม 2559 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 23)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               การยอมเดินทางกลับอังกฤษอย่างง่ายดายของ มิสดอริส มารดาของหม่อมมณี  เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ขัดกันกับอุปนิสัยและบุคลิกของเธออย่างยิ่ง  ซึ่งหม่อมมณี ได้ทราบในภายหลังว่า  เนื่องจากบริษัทที่มารดาก่อตั้งร่วมกับพี่ชายประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก มีหนี้สินล้นพ้นตัว  และกำลังมีคดีขึ้นศาล

               มิสดอริส จึงดีใจที่เรื่องนี้มีทางออก  ในขณะที่พี่ชายของเธอต้องหลบไปซ่อนตัวอยู่ต่างจังหวัด เพื่อหนีการจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่จนหมดอายุความจึงกลับเข้ากรุงเทพอีกครั้ง  

               เมื่อพิจารณาดวงชะตาของหม่อมมณี ก็พอจะมองเห็นว่า  เรื่องพี่น้องไม่สู้จะดีนัก  หรือ แม้กระทั่งเรื่องมารดา ก็ไม่สู้จะดีนักด้วย   


(ดวงชะตาของหม่อมมณี   ที่บอกถึงเรื่องพี่น้อง  และ แม่ ไม่ค่อยเข้มแข็งนัก)

               ช่วงนี้เอง   ความสัมพันธ์ระหว่างหม่อมมณี กับ พระองค์อาภัส กำลังอยู่ในสภาพง่อนแง่น  เป็นช่วงเวลาที่เธอ รู้สึกเหมือนไม่มีใครที่จะเป็นเพื่อนพอจะปรึกษาได้เลย   ทั้งๆที่ทุกสุดสัปดาห์จะมีเพื่อนๆจำนวนมากมาสังสรรค์ที่บ้านมิได้ขาด 

               หม่อมมณี บรรยายความรู้สึกของเธอในช่วงนี้เอาไว้ว่า   แม้แต่มารดาคนเดียว  ก็ต้องส่งไปอยู่ในที่ห่างไกล   พี่ชายคนเดียวก็ไม่มีความรับผิดชอบ  ไม่อาจไว้วางใจให้มาดูแลผลประโยชน์ของเธอได้เลย 

               แม้แต่กับสามี   หากหม่อมมณีเอ่ยปากถึงมารดา และ พี่ชายขึ้นมาเมื่อใด  สามีก็จะโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟขึ้นมาทันที 

               “แหม  มณี  เธอนี่ช่างมีบุญวาสนาเสียจริงๆ  เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่คนเขาปรารถนา  แล้วยังมีงานที่เธอชอบทำเสียอีกด้วย”  เพื่อนคนหนึ่งของหม่อมมณี เคยพูดกับเธอครั้งหนึ่ง 

               ใครจะรู้ว่า   ภาพภายนอกที่ดูเหมือนครอบครัวจะมีความสุข  มีเงินทองสมบูรณ์  ลูกๆน่ารัก  แต่ใครเล่าจะรู้ว่า  หม่อมมณี กำลังมีความหนักอกหนักใจ  กำลังทุกข์ใจอยู่  ซึ่งเป็นเรื่องทุกข์ใจที่ไม่อาจเอ่ยปากบอกใครได้   

               ดูเหมือนว่า  ทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลขนาดไหน ก็ไม่อาจทำให้คนมีความสุขใจได้เลย 


(กรุงเทพ ปีพ.ศ. 2499  ขอขอบคุณเจ้าของภาพ)

               แต่หม่อมมณี อาจจะไม่รู้ว่า   ความทุกข์ที่เธอกำลังสัมผัสอยู่นี้  จะเทียบไม่ได้เลยแม้กระผีกของความทุกข์ที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า 

               ทั้งนี้   สำหรับผู้ที่เรียนรู้มาทางโหราศาสตร์บ้าง  ก็จะเข้าใจว่า  ชีวิตของหม่อมมณีนั้น   เป็นชีวิตที่ผกผัน  เปลี่ยนแปลงขึ้นลง อยู่เสมอๆ  หากได้ลาภจากสิ่งใด  ก็มักจะต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป   

               จะว่าเป็นชีวิตที่ถูกสาบก็ว่าได้ 

               หม่อมมณี พยายามผลักดันให้พระองค์อาภัส ทำงานอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบบ้านที่พระองค์ได้ร่ำเรียนมา   หรือ แม้กระทั่งเรื่องการทำนาด้วยรถแทร็กเตอร์ที่นำเข้ามาจากอังกฤษ  แต่พอเจอปัญหาถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าของที่ดินที่ไม่ยอมเปิดทางให้ทำสะพานเข้าไปถึงที่นา  พระองค์อาภัสก็หยุดไปเฉยๆ  เลิกสนใจกับเรื่องการทำนาไปเลย

               แต่พักหลัง  หม่อมมณีสังเกตเห็นว่า  พระองค์อาภัส มักจะเสด็จไปที่นา พร้อมด้วยปิ่นโตติดตัวไปเสวยบ่อยๆ  หม่อมมณีดีใจ คิดว่าสามีจะไปทำนาใหม่อีกครั้ง    เมื่อถามพระองค์อาภัสก็ตอบเลี่ยงๆไปว่า  ไปช่วยคนอื่นทำนาแบบเก่า  แต่บริเวณนี้อากาศดีมาก  จึงถือโอกาสไปกินข้าวและนอนเล่น 

               หม่อมมณีก็ไม่ได้คิดอะไร 

               ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เพื่อนฝูงมาสังสรรค์กันที่บ้าน   เพื่อนๆของพระองค์อาภัสมักจะล้อท่านว่า  มีข้าหลวงสวยๆหลายคน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ข้าหลวงที่ชื่อ แก้ว ซึ่งเป็นหลานของแม่นมของพระองค์พีระ ที่ได้มาถวายตัวเป็นข้าหลวง 

               แก้ว มักจะแต่งตัวโป๊  ใส่เสื้อบางๆให้เห็นเนื้อหนังข้างใน และรูปร่างทรวดทรง  และชอบโชว์หน้าอก  ซ้ำยังใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆ    แต่หม่อมมณีก็มิได้คิดอะไร


(ตลาดฉัตรไชย  หัวหิน ปีพ.ศ. 2500 ขอขอบคุณเจ้าของภาพ)  

               จนเดือนเมษายนมาถึงอีกครั้ง  คุณสุธีรา  กับคุณระพีพรรณ เพื่อนของหม่อมมณี ได้ชวนครอบครัวของหม่อมมณีให้เดินทางไปพักที่บ้านสามสุข  ที่หัวหินของเธอ 

               หม่อมมณี รู้สึกสะกิดใจบางอย่าง ที่พระองค์อาภัสบอกว่า  จะให้แม่แก้วตามเสด็จไปหัวหินด้วย 

               ระหว่างที่พักที่หัวหิน  เมื่อหม่อมมณีตื่นขึ้นกลางดึก  ไม่เห็นพระองค์อาภัสนอนอยู่บนเตียง ก็ไม่ได้คิดอะไร  นึกว่าไปห้องน้ำ หรือ ไปยืนตากลมหน้าบ้าน 

               จนเมื่อใกล้จะกลับกรุงเทพ  แม่ชูชิด ซึ่งเป็นคนเลี้ยงลูกสาวของหม่อมมณี ได้กระซิบบอกหม่อมมณีว่า  พระองค์อาภัส ไปเดินเล่นคลอเคลียกับแม่แก้วในตอนดึกๆด้วยกันหลายคืนแล้ว 

               แต่หม่อมมณี ก็ยังไม่สงสัยอยู่อีก 

               จนน้องสาวของสุธีรา ซึ่งอายุประมาณ 21 ปี ได้ถามกับหม่อมมณีว่า 

               “พี่ณีขา  ถ้าหากว่าพระองค์อาภัสมีเมียน้อย  พี่ณีจะจัดการอย่างไร” 

               หม่อมมณี ตอบว่า 

               “ไม่เห็นแปลกอะไรนี่จ๊ะ  เราสองคนแต่งงานกันด้วยความพอใจทั้งสองฝ่าย  ไม่ใช่ผู้ใหญ่จัดการให้ และไม่มีใครบีบบังคับให้มาแต่ง   ดังนั้น  ถ้าฝ่ายหนึ่งหมดรัก และ เกิดมีความสัมพันธ์กับคนอื่น   เราก็หย่ากันได้ทันที  ไม่มีปัญหายากอะไรสำหรับพี่”  

               หม่อมมณี คงจะต้องไปตามหลักการ  โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องผลกระทบทางจิตใจแต่อย่างใด   ซ้ำยังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องร่ำลือต่างๆ   และยังคงมั่นใจว่า  พระองค์อาภัส ไม่มีอะไรจริงจังกับแม่แก้ว คงแค่ทำเจ้าชู้เพื่ออวดเพื่อนฝูงเสียมากกว่า  


(สนใจซื้อหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” ที่คุณเพชรชมพู โทร  099 425 9112 รายได้มอบให้แก่ มูลนิธิ มณี สิริวรสาร เพื่อเป็นกองทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาที่ยากไร้)

               การที่หม่อมมณี ไม่ได้จัดการอะไรลงไปตั้งแต่ต้น  อาจเป็นก้าวย่างที่ผิดพลาดครั้งสำคัญในชีวิตครั้งหนึ่งก็ได้

               หม่อมมณี ไม่ใส่ใจถึงเรื่องร่ำลือนี้เลยแม้แต่น้อย  เพราะช่วงเวลาดังกล่าว  พระองค์อาภัสจะอ่อนหวานกับเธอมากเป็นพิเศษ   ทรงอารมณ์ดี  ไม่ทะเลาะหรือขึ้นเสียงเลย  จะชวนไปไหนก็ตามใจ  เอาอกเอาใจเป็นพิเศษ จนหม่อมมณีคิดว่า  พระองค์อาภัส ช่างเป็นสามีที่น่ารักจริงๆ   

               โดยที่หม่อมมณี ไม่ระแคะระคายใดๆว่า   ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ดีว่า  ขณะนั้น   แม่แก้วได้เสียกับพระองค์ชายแล้ว  คนที่ไม่ทราบมีเพียงคนเดียว  คือ หม่อมมณี 

               อ่านต่อสัปดาห์หน้าครับ  

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ด้วย ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)            

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *