ซอกซอนตะลอนไป (4 ธันวาคม 2558 )
บนเครื่องบิน ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยจากโจรอีกแล้ว
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ข่าวที่เกิดขึ้นบ่อยบนเครื่องบินขณะนี้ก็คือ มีโจรแอบแฝงขึ้นเครื่องบิน เพื่อจะขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสารด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ
ข่าวที่ผมคิดว่า ไกลตัว ได้เกิดกับตัวผมเองแล้ว จึงขอถือโอกาสนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ระมัดระวังตัวด้วย
และเพื่อให้สายการบินต้องหามาตรการในเชิงป้องปรามได้แล้ว ไม่ใช่ปลอยให้เลยตามเลยแบบในปัจจุบัน
คืนวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลาประมาณ 00.45 น. ผมต่อเครื่องของสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ที่สนามินในเมืองอีสตันบุล จากเครื่องบินที่มาจากมิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อกลับกรุงเทพ
ที่นั่งที่ผมนั่งก็คือหมายเลข 10 B ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรดาลูกทัวร์ของผมที่นั่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ
ก่อนขึ้นเครื่องบิน ผมได้เอากระเป๋าสตางค์ที่ใส่ในกระเป๋าหลังของกางเกง มาใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ หรือ กระเป๋าแบ๊กแพ็ค เพราะไม่อยากนั่งทับกระเป๋าสตางค์ เนื่องจากจะทำให้ผมปวดขา และ สะโพก
ตอนขึ้นเครื่องบินก็ดูปกติดี บนชั้นวางของเหนือศรีษะ ก็มีกระเป๋าวางเต็ม ผมนอนหลับไปประมาณ 6 ชั่วโมงหลังเครื่องบินเท็กอ๊อฟ ก็ตื่นและนั่งดูหนังจนถึงสนามบิสุวรรณภูมิ
เมื่อเครื่องจอดสนิท ผมหยิบกระเป๋าลงมาแล้วจะพยายามรูดซิปเพื่อหยิบกระเป๋าเงิน แต่ซิปรูดไม่ได้เลย และ รู้สึกว่า ทำไมสายซิปตรงที่ตัวรูดจึงค่อนข้างจะแข็งกว่าสายซิปทั้งเส้น แต่ไม่คิดอะไร แต่คิดว่า ตัวรูดคงไปสะดุดกับผ้าข้างใน จึงรูดไม่ออก
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็พยายามเปิดด้วยโลหะแข็งจนซิปเปิดอ้าไปพอที่จะเอาของในกระเป๋าออกมา ก็พบว่า เงินส่วนใหญ่ในกระเป๋า ทั้งที่เป็นเงินไทย และ เงินสกุลยูโร ถูกขโมยออกไปเกือบหมด เหลือทิ้งเอาไว้แต่เพียงเศษแบงค์ย่อยๆเท่านั้น
รุ่งขึ้น ผมนำกระเป๋าในนี้ไปเปลี่ยนซิปใหม่ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1500 บาท
เจ้าหน้าที่ของร้านเปลี่ยนซิปได้บอกกับผมว่า ก็รู้สึกแปลกเหมือนกันที่ สายซิปตรงจุดที่ตัวรูดติดอยู่นั้น ค่อนข้างจะแข็งจนผิดสังเกต และคาดว่า น่าจะเกิดจากการที่มีใครสักคนเอากาวมาทาเอาไว้ เพื่อทำให้ไม่สามารถรูดซิปได้ตามปกติ
เมื่อทราบว่า เกิดการขโมยเงินในกระเป๋าแบ๊กแพ๊คที่เก็บไว้อย่างดี ถูกต้อง ในชั้นเก็บของเหนือศรีษะบนเครื่องบินของสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ผมก็ได้ติดต่อกลับไปยังสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ในประเทศไทย เพื่อของทราบว่า บนเครื่องบินของสายการบิน มีกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์บนในห้องผู้โดยสารหรือไม่
คำตอบก็คือ ไม่มี
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่ เมื่อมีของหายภายในห้องพักภายในโรงแรมที่เราพัก โรงแรมจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ว่านั้น ด้วยการช่วยตรวจสอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆเท่าที่จะสามารถทำได้ เช่น ตรวจกล้องวงจรปิด หรือ ตรวจเช็คว่า มีใครเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของแขกของโรงแรมในระหว่างที่เจ้าของห้องพักไม่อยู่ ในกรณีที่โรงแรมใช้ระบบคีย์การ์ดคอมพิวเตอร์
และในทริปนี้ ผมก็เจอประสบการณ์(ของเกือบจะหาย) ที่โรงแรมในอิตาลีมาก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์เงินหายบนเครื่องบิน ซึ่งไว้โอกาสหน้าจะนำมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง
ถ้าจะพูดถึงห่วงโซ่ของระบบการขนส่งทางอากาศแล้ว จะพบว่า สายการบินเป็นห่วงโซ่ที่เอาเปรียบผู้บริโภคมากที่สุด
สนามบินทุกแห่งต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด ตำรวจเดินตรวจตรา พนักงานรักษาความปลอดภัยในรูปแบบต่างๆ
หากมีของหายในสนามบิน สามารถฟ้องร้องเรียกร้องได้ตามกฎหมาย
แต่สำหรับสายการบิน หากกระเป๋าเดินทางที่ผู้โดยสารโหลดขึ้นเครื่องบินเวลาเช็คอินหายไปในระหว่างเดินทาง สายการบินจะรับผิดชอบค่าเสียหายเพียง 500 เหรียญยูเอส เท่านั้น คดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 17500 บาทเท่านั้น
ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สายการบินเคยรับผิดชอบต่อการสูญหายของกระเป๋าเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
ลองคิดดูนะครับ เพียงแค่กระเป๋าเดินทางยี่ห้อ RIMOWA ของเยอรมันที่ทำด้วยอะลูมิเนียมใบเดียวราคาประมาณ 4 หมื่นบาทเข้าไปแล้ว ยังไม่นับทรัพย์สินในกระเป๋าอีกต่างหาก
แต่ที่ผ่านมา สายการบินทุกสายต่างก็ละเลยที่จะป้องกันการก่ออาชญากรรมของพวกมิจฉาชีพในห้องผู้โดยสาร ทั้งๆที่มีข่าวปรากฏอยู่เสมอๆ และ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงอยากจะเรียกร้องไปยังสายการบินทุกสาย ให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในห้องโดยสารให้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการติดกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกภาพความเป็นไปของพวกมิจฉาชีพที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าสายการบินไทย จะเริ่มนโยบายนี้ก่อนใครเพื่อน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ
อุตส่าห์รอดจากปากเหยี่ยวปากกาจากการถูกล้วงกระเป๋าโดยพวกยิปซีในอิตาลีมาได้ ต้องมาเสียท่าพวกมิจฉาชีพบนเครื่องบนจนได้ ช้ำจริงๆ
สัปดาห์หน้า พบกับ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี” จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง (ตอน 10) ครับ