ซอกซอนตะลอนไป (17 ตุลาคม 2557)
ยุโรป กับ เอเชีย นาทีนี้เป็นของใคร(ตอน 1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ก่อนหน้าที่ญี่ปุ่นจะประกาศให้ประชาชนจากหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ไม่ต้องทำวีซ่าในการเดินทางเข้าญี่ปุ่นเมื่อกลางปีที่แล้วนั้น เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่สุดๆ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว
เพราะญี่ปุ่นมีปัญหาทางการเมืองกับจีน ทำให้ประเทศจีนระงับการส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในปรเทศญี่ปุ่น ทำให้รายได้ของประเทศญี่ปุ่นลดฮวบไปอย่างน่าใจหาย
โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทรถโค้ช ร้านขายของที่ระลึก และบรรดาผู้คนที่ทำงานในแวดวงการท่องเที่ยวต่างเดือดร้อนไปทั่ว
นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ เวลาผ่านไปปีเศษ รัฐบาลญี่ปุ่นได้บอกคนของตัวเองว่า
เรากำลังกลับมายิ่งใหญ่อีกแล้ว JAPAN RISING AGAIN
ผมเพิ่งเห็นแผ่นป้ายโฆษณาของการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นที่ติดอยู่ในห้างในเมืองเกียวโตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีข้อความ “ขอบคุณที่ให้การสนับสนุน”
แม้จะไม่ได้ระบุว่า การท่องเที่ยวญี่ปุ่นขอบคุณใคร แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า เขาคงจะหมายถึงคนไทย ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่นในขณะนี้ ทั้งในแง่ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่งขึ้นหลายเท่าตัว และ ในแง่จำนวนเงินที่ใช้จ่ายในเรื่องช้อปปิ้ง
ทำไมคนไทยจึงชอบไปญี่ปุ่น
ประเด็นแรก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สวยงาม ทั้งในแง่ธรรมชาติ และ บ้านเรือน เพราะคนญี่ปุ่นดูแลรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี
ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นมีประสิทธิภาพมาก สามารถสร้างจิตสำนึกให้แก่คนของเขาให้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพได้ ทุกคนดูแลรักษาความสะอาดของบ้านเรือนอย่างดียิ่งด้วยความมีวินัยที่เคร่งครัด
จิตสำนึกในการรักษาความสะอาดของคนญี่ปุ่นนั้น มิใช่เพียงแค่หวังจะให้เทศบาล หรือ รัฐมาจัดการทำความสะอาดเท่านั้น แต่มันเป็นจิตสาธารณะที่หยั่งรากลึกลงไปในหัวใจ ทุกคนคิดว่าเป็นหน้าที่ของตัวเองที่จะช่วยกันคนละเล็กละน้อย
ในวันที่ผมไปเดินบนถนนคนเดินในเมืองโอซากา ก็ได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่จะไม่มีวันได้เห็นที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกาเด็ดขาด
ภาพที่เห็นก็คือ เจ้าหน้าที่ของห้างขายของสวมสูทผูกไท กำลังบรรจงนั่งลงเก็บเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้กระทั่งชิ้นผงก็ตาม ที่อยู่หน้าร้านตัวเอง
นี่คือ คุณภาพของคนที่สร้างไม่ได้ในชั่วอายุคนเดียว
ไม่ต้องมองไปไกล ที่ทำงานของผมอยู่ในบริเวณศูนย์การค้านครหลวง บริเวณซอยเพชรบุรี 33 – 35 ซึ่งมีโรงแรมอยู่มากกว่า 6-7 โรงแรมเหล่านี้รับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งนั้น
แต่ที่น่าเศร้าที่สุด ไม่มีโรงแรมไหนที่จะช่วยกันดูแลให้บริเวณศูนย์การค้า หรือ แม้แต่ด้านหน้าของโรงแรมตัวเองมีความสะอาดหมดจดเลย ไม่เคยคิดเลยว่า นี่คือหน้าตาของประเทศ และเป็นหน้าตาของโรงแรม
แต่ละโรงแรมคิดเพียงแต่จะเอาเงินจากนักท่องเที่ยว ไม่เคยคิดสร้างสรรค์บ้านเมืองให้สะอาด เป็นที่ประทับใจต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศเลย
เศร้าจริงๆ
ประเด็นที่สอง ความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะมีระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์แบบ ไปได้ทุกที่ ราคาไม่แพง เพราะรัฐบาลมีการจัดการที่ดี
แม้ว่าราคาค่าแท็กซี่ในญี่ปุ่นจะค่อนข้างแพงตามค่าครองชีพ แต่เขาก็มีทางเลือกอื่นๆมากมายในการเดินทาง เช่น ทันทีที่ลงเครื่องบินก็สามารถเลือกเดินทางโดยรถไฟเข้ามาในเมือง หรือ นั่งรถบัสประจำทางที่รับส่งคนระหว่างสถานีในเมือง กับ สนามบิน
ราคาค่าโดยสารก็ถือว่าไม่แพง เช่น จากสนามบินโตเกียวเข้ามาสู่ย่านชินจูกุใจกลางเมืองโตเกียว ก็อยู่ที่ 3000 เยน หรือประมาณ 930 บาท แต่ถ้าเป็นเมืองโอซากา ค่ารถบัสรับส่งสนามบินก็เพียงแค่ 1050 เยน หรือ ประมาณ 325 บาทเท่านั้น
ที่สำคัญ รถบัสของเขาสะอาดสะอ้านมาก มีบริการเช็คอินกระเป๋าเดินทางเหมือนเดินทางด้วยเครื่องบินทีเดียว
ด้วยระบบการคมนาคมที่แสนสะดวกสบาย ทั้งรถไฟใต้ดินภายในเมือง เชื่อมต่อกับรถไฟ JR ที่เชื่อมเมืองต่อเมือง ไม่ว่าจะเลือกเดินทางไปไกลแค่ไหนก็ตาม ทำให้ทุกที่ในญี่ปุ่น ไม่ว่าเหนือใต้ออกตก อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ที่สำคัญก็คือ ราคาไม่แพงเลย
นักท่องเที่ยวไทยจำนวนมากจึงนิยมเดินทางด้วยตัวเอง ไม่เดินทางไปกับบริษัททัวร์ เพียงแต่จะต้องเดินไกลมาก เหนื่อยหน่อยเท่านั้นเอง
พบกันใหม่ตอนหน้า จะพูดถึงประเด็นที่สามครับ สวัสดี