ซอกซอนตะลอนไป (25 ตุลาคม 2556 )
โอกินาวา – ไฮไซ – หนีเฮ่า ญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
โอกินาวา(OKINAWA) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะริวกิว(RYUKYU) ที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น
หากจะเดินทางโดยสายการบินไปยังโตเกียว ก็ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งทีเดียว ดังนั้น สภาพภูมิอากาศของโอกินาวา จึงค่อนข้างจะแตกต่างจากเมืองต่างๆส่วนใหญ่ในเกาะทั้งสี่เกาะทางตอนเหนือ
เพราะโอกินาวา จะอยู่บนเส้นรุ้งเดียวกันกับ เมืองไมอามี รัฐฟลอริดาของสหรัฐอเมริกา
จึงทำให้ภูมิอากาศของโอกินาวา จะร้อนกว่าเมืองต่างๆทางเหนือของญี่ปุ่น เช่น โตเกียว ร่วมๆ 10 องศาทีเดียว
ในขณะเดียวกัน หากเทียบกันด้วยระยะทาง โอกินาวา จะอยู่ใกล้กับ ไทเป เมืองหลวงของประเทศไต้หวันมากที่สุด และอยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ของจีนในระยะทางพอๆกับโตเกียวด้วย
ดังนั้น วัฒนธรรมของชาวโอกินาวา จึงค่อนข้างจะแตกต่างจากวัฒนธรรมหลักของญี่ปุ่น คำทักทายตอนเช้าของชาวโอกินาวา จะพูดว่า ไฮไซ ซึ่งต่างจากของญี่ปุ่นทั่วไป
ในอดีต โอกินาวา มีความสัมพันธ์ทางการค้าทางทะเลกับประเทศจีน เกาหลี เวียตนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ สยาม หรือ ประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้ อาหารที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศก็คือ แกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกะหรี่ในแบบที่ไม่มีเหมือนของแถบอินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือ ของไทย
รสชาติแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นแทบจะไม่มีรสเผ็ดเลย แต่กลมกล่อมด้วยรสชาติเค็ม แต่หอมกลิ่นผงกะหรี่
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง ญี่ปุ่นโอกินาวา กับ ญี่ปุ่นในเกาะหลัก 4 เกาะ ก็คือ ญี่ปุ่นโอกินาวา จะได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากวัฒนธรรมจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ หรือ อาหารการกิน
ทั้งนี้เพราะ มีชาวจีนทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่ และ จีนไทเป อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในโอกินาวาจำนวนมากทีเดียว จนกลายเป็นประชากรรุ่นสองรุ่นสามไปแล้วก็มาก
ดังจะเห็นได้จากห้องน้ำโบราณเมื่อร้อยถึงสองร้อยปีที่แล้ว ที่ได้รับเอาวัฒนธรรมส้วมจีนมาก็คือ ส้วมที่ถ่ายเทเอาอุจจาระลงไปเป็นอาหารให้หมูที่เลี้ยงอยู่ติดกัน ซึ่งส้วมแบบนี้ ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ทำกัน
หมูจะถูกเลี้ยงในคอกข้างหลัง ส่วนคนถ่ายก็นั่งหันหลังให้คอก แล้วก็ถ่ายลงร่องดำๆข้างหน้า ขนลุก แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว
ดังนั้น ในร้านอาหารทั่วไปในโอกินาวา จะต้องเสริฟขาหมู ที่บ้านเราเรียกว่า “คากิ” กันทุกร้าน ซึ่ง ชาวญี่ปุ่นทางเหนือเขาไม่นิยมทานกัน
นอกจาก “คากิ”แล้ว อาหารที่รับประทานกันอย่างกว้างขวางของชาวโอกินาวา ก็คือ บรรดาของผัดๆต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัฒนธรรมของจีน แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษของโอกินาวา ก็คือ ผัดมะระ ซึ่งก็บังเอิญคล้ายกับของไทยก็คือ ผัดมะระใส่ไข่
หมูอีกชนิดหนึ่งที่ชาวโอกินาวาชอบกินกันมากก็คือ หมูสามชั้นหมักเกลือ ภาพนี้ผมถ่ายมาจากในตลาดสดที่วางขายหมูหมักเกลืออย่างที่เห็น เอาไปนึ่ง หรือ จี่ หรือ ทอด ก็ได้ รสชาติก็ใช้ได้
หรือ จะเป็นตุ๋นซี่โครงหมูกระดูกอ่อน แบบนี้
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในขณะที่ชาวญี่ปุ่นในเกาะใหญ่ๆทั้ง 4 เกาะ นิยมทานปลาดิบจิ้มกับวาซาบิ หรือ มาสตาด แต่ชาวโอกินาวา กลับไม่นิยมทานวาซาบิกัน แต่นิยมทานปลาดิบด้วยซีอิ๊วกับน้ำส้มสายชู
ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่ที่เดินทางไปโอกินาวา เพื่อรับประทานปลาดิบ ก็อาจจะผิดหวังอยู่บ้าง เพราะมีภัตตาคารจำนานไม่มากนัก ที่จะเสริฟปลาดิบหลากหลายแบบญี่ปุ่นทางเหนือ
อาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้ ทำให้เกาะโอกินาวา ไม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมนักของชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง แต่คนที่จะมาเที่ยวที่โอกินาวามากหน่อยก็คือ ชาวไต้หวัน และ ชาวจีน
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ก็คือ การใส่ใจในสุขภาพการกิน การอยู่ ทำให้ปัจจุบันนี้ มีร้านอาหารจำนวนมากที่ประกาศตัวว่า ใช้ผักปลอดสารพิษบริการลูกค้า เช่น ร้าน DAIKON NO HANA ที่ประกาศว่า เป็นร้านอาหารแบบออร์กานิค
ถึงขนาดเอารูปแปลงผักของตัวเองมาโฆษณาในร้านทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความภูมิใจอยู่บ้างก็คือ เหล้าขาวของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า เหล้า อาวาโมริ
ทำไมต้องภูมิใจ
เพราะเจ้าหน้าที่ของโรงงานเหล้าอาวาโมริ อธิบายให้เราฟังว่า กรรมวิธีในการทำเหล้าขาว อาวาโมรินั้น เป็นกรรมวิธีดั่งเดิมที่ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นเวลานับร้อยปี และเป็นกรรมวิธีการทำเหล้าขาวจากประเทศไทยที่น่าจะได้รับเอามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เพียงแต่ของญี่ปุ่นจะใช้ข้าวเจ้า แทน ข้าวเหนียวตามแบบของบ้านเรา
และข้าวเจ้าที่จะนำมาทำเหล้าอาวาโมริ จะต้องเป็นข้าวที่นำมาจากประเทศไทยเท่านั้น แต่เขาเพิ่มกรรมวิธีกลั่นเข้าไปอีกหนึ่งขั้นตอน เพื่อทำให้เหล้ามีความสะอาด ปลอดภัยกว่า
จากนั้นก็นำมาบ่มเก็บเอาไว้ในไหดินเผาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ บางส่วนจะบ่มไว้ในถังสแตนเลส และอีกบางส่วนจะบ่มไว้ในไหดินเผา ซึ่งว่ากันว่า รสชาติของเหล้าที่บ่มในไหจะดีกว่าที่บ่มในถังสแตนเลส
บางครอบครัวจะซื้อเหล้าอาวาโมริ ในโอกาสที่ได้ภรรยาคลอดลูก โดยที่โรงเหล้าจะทำสัญลักษณ์เป็นรูปอยู่ข้างขวดว่า เนื่องในโอกาสอะไร จากนั้นเขาก็จะเก็บเหล้าเอาไว้ รอว่าเมื่อลูกมีอายุครบ 20 ปีเมื่อไหร่ ก็จะเปิดมาดื่มฉลอง
ไหดินเผาที่ว่านี้ ใช้ดินที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ เมื่อขึ้นรูปเรียบร้อยก็นำไปเผาให้แกร่ง จนกระทั่งสามารถใช้ค้อนเหล็กเคาะ จะได้ยินเสียงกังวานที่แตกต่างกันจนสามารถเอามาจัดวางเป็นเครื่องดนตรี ได้เลย ตามรูปภาพ
นี่คือ โอกินาวา ญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่ ญี่ปุ่น