ซอกซอนตะลอนไป (17 มกราคม 2557)
นิวออร์ลีน – เมืองดนตรีแจ๊ส แห่งแดนใต้
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ผมได้กลับมาเยือนนิวออร์ลีนอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไป 30 ปี รู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้มาเจอเพื่อนเก่าที่จากกันไปนาน
อย่างที่ผมได้เล่าให้ฟังในสัปดาห์ที่แล้วว่า หลุยส์เซียน่า ซึ่งเป็นมลรัฐที่มีนิวออร์ลีน เป็นเมืองหลวงนั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ซื้อมาจากฝรั่งเศสในราคาที่ถูกแสนถูกในปีค.ศ. 1803 เพราะตอนนั้น นโปเลียนกำลังต้องการเงินไว้ใช้ในการทำสงครามในยุโรป
เมืองนิวออร์ลีน อ้างอิงชื่อมาจากเมือง ออร์ลีอองส์(ORLEANS) ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเมืองที่มีความหมายต่อชาวฝรั่งเศสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มชาตินิยม เพราะเมืองนี้มีบทบาททำสำคัญในสงคราม 100 ปี (HUNDRED YEARS WAR) ระหว่างปีค.ศ. 1337 ถึง 1453 ที่ฝรั่งเศส รบกับ อังกฤษ
ต้องขอเล่าความเป็นมาของสงครามร้อยปี ที่ว่านี้เสียก่อนเล็กน้อยว่า เป็นสงครามระหว่าง ราชวงศ์คาเปเเทียนส์(CAPETIANS)ของฝรั่งเศส และราชวงศ์พลันตาเจเนทส์(PLANTAGENETS)ของอังกฤษ ที่ขัดแย้งกันด้วยเรื่องปัญหาดินแดน
และสิทธิในการสืบทอดราชบัลลังก์ฝรั่งเศส เพราะราชวงศ์พลันตาเจเนทส์ คิดว่า เขาสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ของฝรั่งเศสด้วย จึงควรจะมีสิทธิในราชบัลลังก์ของฝรั่งเศส ขณะตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านแผ่นดิน พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 7(KING CHARLES VII) ของฝรั่งเศส ยังไม่ได้เป็นกษัตริย์อย่างเต็มตัว
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 อังกฤษบุกเข้ามายึดครองดินแดนของฝรั่งเศสเอาไว้ได้หลายเมือง หนึ่งในนั้นก็คือ เมือง ออร์ลีอองส์ เป็นช่วงที่อาจเรียกได้ว่า ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 7 ได้ส่งนักรบหญิงคนหนึ่งไปเป็นผู้นำในการยึดเมือง ออร์ลีอองส์กลับคืนมาจากอังกฤษ หญิงคนนั้นมีชื่อว่า โจน อ๊อฟ อาร์ค (JOAN OF ARC)
โจน บอกว่า เธอได้เห็นนิมิตจากพระผู้เป็นเจ้า ให้ทำภารกิจในการยึดแผ่นดินเกิดคืนมาจาก ผู้รุกราน และเธอก็ทำสำเร็จ จนทำให้ขวัญกำลังใจของทหารฝรั่งเศสดีขึ้นมาก
ดังนั้น จึงถือว่า เมืองออร์ลีอองส์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของฝรั่งเศส หากไม่ได้ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ โฉมหน้าของประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสอาจจะเปลี่ยนไปจากนี้ก็ได้
ดังนั้น เมื่อฝรั่งเศสได้ครอบครองแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่นอกทวีปยุโรป จึงตั้งเมืองหลวงตามชื่อเมืองที่เป็นมงคลสำหรับตนเองว่า นิวออร์ลีน ซึ่งมีความหมายว่า เมืองออร์ลีอองส์ใหม่
ปัจจุบันนี้ โจน อ๊อฟ อาร์ค กลายเป็นสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง ชาตินิยม(NATIONAL FRONT PARTY) ของฝรั่งเศส ไปแล้ว
ถ้าไปนิวออร์ลีน ก็ต้องไปเดินเที่ยวในเขตที่สวยงามที่สุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องไปเดินก็คือ เฟรนช์ ควอเตอร์(FRENCH QUARTER) หรือ จัตุรัสฝรั่งเศส
จัตุรัสฝรั่งเศสตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มิสซิสซิปปี้ เป็นพื้นที่ที่มีผังเมืองที่ดี คือ เป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดๆกันตามแบบของยุโรป อาคารบ้านเรือนก็เป็นศิลปะแบบฝรั่งเศส ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีขึ้นไป
จุดที่น่าเดินเล่นจุดแรกก็คือ ลานด้านหน้าของ โบสถ์ประจำเมือง ซึ่งมีทั้งนักดนตรีฝีมือระดับแนวหน้าทั้งนั้นมาเล่นดนตรีแบบ เปิดหมวก คือ ใครพอใจในเสียงเพลงของเขา ก็บริจาคตามแต่ศรัทธา
บางครั้งก็มีนักแสดงมายากลมา เปิดหมวก แสดงเหมือนกัน
ที่น่าสนใจอีกมุมหนึ่งสำหรับคนที่ชอบการดูดวง ก็มีหมอดูไพ่ทาโร ดูลายมือ พยากรณ์ดวงชะตาจากแสงออร่า หรือ อ่านดวงชะตาจากแก้วคริสตัลตามแบบของวิชา วูดู(VOO DOO) นั่งรอให้คำทำนายแก่นักท่องเที่ยวอยู่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศล่องเรือกลไฟ แบบที่ใช้กังหันหมุนขับเคลื่อนเหมือนเรือในยุคโบราณ ในยุคพิชิตตะวันตก และยุคนิยาย การผจญภัยของ ทอม ซอว์เยอร์ ของ มาร์ค ทเวน ก็น่าจะลงเรือล่องไปตามแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณร่วม 2 ชั่วโมง
ก่อนจะมาถึงนิวออร์ลีน ผมได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนที่เคยมาเยือนนิวออร์ลีน ว่า ต้องไปชิมกาแฟ และ ทานขนมทอดที่มีลักษณะคล้ายๆกับ ปาท่องโก๋ของไทยให้ได้
กำลังคิดว่า ร้านกาแฟที่ว่านี้อยู่ที่ไหน ก็เห็นคิวของผู้คนที่ยืนต่อๆกันยาวเหยียดราวกับมารอรับแจกของฟรี จึงได้ถึงบางอ้อว่า นี่คือร้านกาแฟที่ว่านี่เอง
ร้านนี้ก็คือ คาเฟ่ ดู มอนเด้ (CAFÉ DU MONDE) และ ขนมทอดซึ่งคนอเมริกันเรียกว่า ขนมโดนัทฝรั่งเศส ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า บีอิกเนต (BEIGNETS)
ใครที่คิดจะชิมขนมทอดที่ว่านี้ ต้องอดทนสักหน่อยเพราะคิวยาวเหยียดตลอดทั้งวัน
หลังจากทานกาแฟและขนมทอดแล้ว ก็ขอแนะนำให้ลองนั่งรถม้าชมเมือง โดยมีสารถีทำหน้าที่บรรยายถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่แต่ละย่านที่ขับผ่านไปด้วย ก็น่าเพลิดเพลินไปอีกแบบ
สวัสดีครับ