ซอกซอนตะลอนไป (28 มีนาคม 2557)
ญี่ปุ่น เครื่องจักรที่มีหัวใจ
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ถ้าพูดถึงเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมในขณะนี้ คงจะไม่มีประเทศไหนเกินหน้า ญี่ปุ่น แน่นอน เพราะหลังจากญี่ปุ่นประกาศยกเลิกวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและ อีก บางประเทศ เกาะญี่ปุ่นก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวไทย และ นักท่องเที่ยวอีกหลายประเทศที่ได้สิทธิ์ยกเลิกวีซ่านี้
การประกาศยกเลิกวีซ่าของญี่ปุ่น ทำให้เห็นถึงวิธีคิด และกลยุทธ์ในการบริหารประเทศของรัฐบาล และ วิถีชีวิตที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และ มีจุดยืนที่เข้มแข็งของญี่ปุ่น
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าระบบการตรวจสอบเรื่องวีซ่าจะเข้มแข็งขนาดไหน ก็ยังมีคนไทยแอบขอวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าประเทศญี่ปุ่น แล้ว “โดดร่ม” เพื่อหนีไปทำงานเป็นจำนวนมากทุกปี
ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นห่วงที่สุดก็คือ ผู้หญิงที่แอบเข้าไปทำงานขายบริการทางเพศ ซึ่งก่อปัญหาทางสังคม อย่างมากทีเดียว
แรงกดดันที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องตัดสินใจเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว มาจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีนที่แตกหักจะทำให้จีนเลิกส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปในญี่ปุ่นในทันทีทันใดตั้งแต่เมื่อต้นปีที่แล้ว
ส่งผลให้รายได้เข้าประเทศของญี่ปุ่นลดฮวบอย่างน่าตกใจ กิจการต่างๆที่เกี่ยวพันกับนักท่องเที่ยววินาศย่อยยับในทันที ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่แตกต่างกับที่เกิดขึ้นกับยุโรปเมื่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจากเอเชียลดหายไป
แต่วิธีการแก้ปัญหาของ ญี่ปุ่นแตกต่างกับของชาติยุโรปโดยสิ้นเชิง
สงกรานต์ปีที่แล้วญี่ปุ่นระดมเจ้าหน้าที่ของสถานทูต เพื่ออนุมัติวีซ่าให้คนไทยเข้าประเทศแบบหามรุ่งหามค่ำ ปกติที่เคยรับยื่นแบบฟอร์มถึงแค่เที่ยง ก็ขยายไปจนถึง 3 ทุ่ม
เจ้าหน้าที่สถานทูตต้องทำงานจนถึงตีห้าของอีกวันหนึ่ง เพื่ออนุมัติวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทยให้ได้มากที่สุด เพราะรู้ว่า ประเทศของตนเองกำลังต้องการเงินตราต่างประเทศอย่างยิ่ง
ผิดกับชาวยุโรปโดยสิ้นเชิง
สถานทูตยุโรปเคยทำงานอนุมัติวีซ่าในช่วง “โลว์ ซีซั่น” หรือ ช่วงปกติวันละกี่คน ถึงช่วงสงกรานต์ หรือ ช่วง “ไฮ ซีซั่น”ที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นนับ 10 เท่าตัว ก็ยังทำงานแบบเดิม เหมือนไม่ง้อนักท่องเที่ยว
เคยอนุมัติวันละ 50 คน ก็ยังคงอนุมัติจำนวนคนเท่าเดิม
ไม่สนว่า เพื่อนร่วมชาติที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเดือดร้อนรอให้สถานทูตอนุมัติวีซ่าให้นักท่องเที่ยวกันตาละห้อย เป็นการทำงานแบบ “ระบบราชการ” โดยแท้ของยุโรปที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
มิใยว่า บรรดาผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศของตัวเอง จะเรียกร้องให้สถานทูตทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม
ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ญี่ปุ่นเปิด “ฟรีวีซ่า” ให้นักท่องเที่ยวไทยก็คือ เกาหลี และ จีน เพราะด้วยจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกัน การได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นถือว่าดูดีกว่าไปเกาหลี และ จีน โขอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ จีนซึ่งนับวันมีแต่จะออกกฎในการขอวีซ่าของคนไทย มากมายหยุมหยิมขึ้นทุกวัน สร้างปัญหาให้แก่ผู้เดินทาง จนบางคนถึงกับเปลี่ยนประเทศที่จะไปเที่ยวเสียเลยก็มี
แต่ใช่ว่า ประเทศไหนอยากได้นักท่องเที่ยวมากๆก็แค่ยกเลิกวีซ่า แล้วจะมีนักท่องเที่ยวแห่กันเข้าไปเที่ยวทะลักทะลายอย่างญี่ปุ่น เงื่อนไขสำคัญก็คือ ประเทศต้องมีความพร้อมในทุกด้านอีกด้วย
ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง และมีจุดเด่นในเรื่องอาหาร ทั้งในแง่ของอาหารเพื่อสุขภาพ และสนนราคาก็ถูกกว่าราคาอาหารในบ้านเรามากทีเดียว
ญี่ปุ่น เป็นชาติที่มีระเบียบวินัยจัดที่สุดชาติหนึ่งของโลก ทุกคนมีแบบแผนในการดำเนินชีวิตที่เป็นระเบียบเหมือนกันหมด จนแทบจะเรียกว่า เป็นมนุษย์หุ่นยนต์
ตื่นเช้าเข้าห้องน้ำก็เป็นส้วมที่มีเครื่องฉีดน้ำชำระในตัว ขึ้นรถเมล์ก็มีป้ายอัจฉริยะบอกตลอดทางว่า จากจุดนี้ไปถึงจุดหมายข้างหน้า ใช้เวลาเดินทางอีกกี่นาที ยัดทะนานเข้าไปในรถไฟฟ้า แล้วก็รีบจ้ำไปทำงาน
กินอาหารก็ต้องซื้อจากเครื่องหยอดเหรียญ เช่น เครื่องขายน้ำ ขายอาหารสำเร็จรูป หรือแม้กระทั่ง ร้านอาหารบุฟเฟ่ ก็ยังมีเครื่องกดซุป พ่อครัวไม่ต้องทำซุปให้ยุ่งยาก
กลัวว่าต่อไป พ่อครัวจะตกงาน เพื่อหุ่นยนต์จะเป็นคนทำแทน
แต่ไม่ว่าชาวญี่ปุ่นจะใช้ชีวิตแบบกึ่งหุ่นยนต์อย่างไร ผมกลับคิดว่า เขาเป็นหุ่นยนต์ที่มีหัวใจ เพราะคนญี่ปุ่นมีจิตสาธารณะสูงมาก และ เป็นชาติที่ให้บริการดีที่สุดในโลก
เท่าที่ผมเคยพบมา
ใครที่คิดว่า คนไทยให้การบริการดีที่สุดในโลก คิดใหม่ได้แล้ว ตอนหน้าผมจะพูดถึง การให้การบริการที่สุดยอดของชาวญี่ปุ่นที่แซงหน้าคนไทยไปแล้ว