ซอกซอนตะลอนไป (11 ตุลาคม 2556 )
ซาลส์เบิร์ก – โดเรมี ไม่สิ้นมนต์ขลัง
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของเมืองซาลส์เบิร์ก ก็คือ สวนสาธารณะ “มิราเบลล์”(MIRABELL)
สวนมิราเบลล์ เป็นสวนในสไตล์ฝรั่งเศส คือ การตัดต้นไม่ดอกไม้ให้เป็นพุ่มเตี้ยๆในรูปทรงต่างๆ ความสวยงามจะมีก็เฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูร้อน พอถึงฤดูใบไม้ร่วงก็เริ่มโรยรา และ แห้งแล้งในช่วงฤดูหนาว
แต่คนก็นิยมมาเที่ยวชมกัน เพราะในสวนแห่งนี้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง THE SOUND OF MUSIC โดยเฉพาะในตอนที่ มาเรีย พาเด็กๆในครอบครัว วอน แทรปป์ ออกไปเที่ยวร้องเพลง DO RE MI ในสวนแห่งนี้
ในสวนแห่งนี้ประกอบไปด้วยสวนดอกไม้ และ พระราชวังอัลเทนาว(ALTENAU PALACE) ที่สร้างในปีค.ศ. 1606 หรือประมาณ 4 ร้อยกว่าปีที่แล้ว โดยเจ้าชายบิชอป วูลฟ์ ดีทริช (PRINCE ARCHBISHOP WOLF DIETRICH)
ที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือที่มาของพระราชวังหลังนี้
ผู้สร้างคือ วูล์ฟ ดีทริช นั้น มีตำแหน่งเป็นถึง บิชอป รองลงมาจากตำแหน่งสันตะปาปา 3 ขั้น ก็คือว่าเป็นบุคคลสำคัญมากคนหนึ่งในศาสนจักรโรมันคาธอลิคในยุคนั้น
ตามกฎของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิคระบุว่า ผู้ที่จะมาบวชเป็นพระจะต้องบวชตลอดชีวิต สึกไม่ได้ และที่สำคัญก็คือ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง กามารมณ์ หรือ มีความสัมพันธ์ทางเพศ
แต่วูล์ฟ ดีทริช กลับแอบไปมีชู้รักคนหนึ่ง มีนามว่า ซาโลเม อัลต์(SALOME ALT) จนถึงขั้นมีลูกด้วยกัน 15 คน
ถึงแม้ว่า ชาวเมืองซาลส์เบิร์กจะรู้เรื่องราวเหล่านี้ แต่ก็ไม่มีใครพูด หรือ แฉ เรื่องเหล่านี้ เพราะ ตำแหน่งบิชอปนั้นยิ่งใหญ่มาก
ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมผมถึงเขียนว่า เจ้าชายบิชอป มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
ในยุคนั้น พระในระดับบริหารของนิกายโรมันคอธอลิค ต่างก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของที่รับถวายมาจากเจ้าผู้ครองนคร เจ้าผู้ครองรัฐ หรือแม้กระทั่ง จักรพรรดิ
อย่างเช่นที่ดินจำนวนมหาศาล ซึ่งพระเหล่านี้ไม่มีปัญญาที่จะเพาะปลูกเอง จึงไปให้ชาวไร่ชาวนาเช่า โดยเก็บค่าเช่นเป็นผลผลิต
ซ้ำพระทั้งหลายเหล่านี้ ยังไม่ต้องเสียภาษีเช่นประชาชนทั่วไปอีก จึงทำให้ศาสนจักรมีความมั่งคั่งร่ำรวยมากยิ่งๆขึ้น
ที่ซาลส์เบิร์กก็เช่นกัน บิชอปที่ปกครองดินแดนแถบนี้ มีความเป็นอิสระไม่ขึ้นต่ออาณาจักร จนทำให้ถูกเรียกขานว่า เจ้าชาย
แต่เจ้าชายแห่งซาลส์เบิร์ก นั้นมีฐานะร่ำรวยกว่า บิชอปในที่อื่นๆมากนัก เพราะบิชอปแห่งซาลส์เบิร์ก ยังเป็นเจ้าของเหมืองเกลือในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
ในสมัยนั้น เกลือถูกจัดเป็นสินค้าสำคัญ มีราคาสูงประหนึ่ง “ทองคำสีขาว” คนธรรมดาสามัญจึงไม่อาจเป็นเจ้าของเหมืองเกลือได้ จะมีก็เพียงแต่ จักรพรรดิ กษัตริย์ และ พระ เช่น บิชอปแห่งซาลส์เบิร์ก
บิชอปแห่งซาลส์เบิร์ก จึงร่ำรวยอย่างมหาศาล
เมื่อมีเงิน อำนาจก็ตามมา นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่จะกล้าร้องเรียนเรื่องความประพฤติของแก
เมื่อเจ้าชายบิชอป วูล์ฟ ดีทริช ตายไป พระราชวังแห่งนี้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น “มิราเบลล์”
ปัจจุบัน พระราชวังมิราเบลล์ ถูกใช้เป็นที่ทำการของศาลาว่าการเมือง ซึ่งเมืองซาลส์เบิร์ก ได้เปิดโอกาสให้คู่รักจากทั่วโลก มาจัดงานแต่งงานกันที่นี่ได้
คู่บ่าวสาวอยากจะได้อะไร ไม่ว่าจะตกแต่งประดับประดาอย่างไร จัดงานเลี้ยงที่ไหน บอกได้ มีหน้าที่เพียงแต่จ่ายเงินอย่างเดียว
ทราบมั้ยครับว่า คู่บ่าวสาวที่ชอบมาจัดงานแต่งงานที่ศาลาว่าการเมืองซาลส์เบิร์กมากที่สุด ก็คือ ชาวญี่ปุ่น
ท่านผู้อ่านที่อยากไปแต่งงาน ครั้งแรกหรือครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม เชิญได้เลยนะครับ