ซอกซอนตะลอนไป (23 พฤษภาคม 2557)
ขอนำ “ชม”ร้านอาหาร(ไม่ใช่“ชิม”อาหาร)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ผมเพิ่งกลับจากพาลูกทัวร์ของ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ เดินทางไปฮังการี สโลวัค และ ออสเตรีย ประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก
เดือนพฤษภาคม ถือเป็นเดือนที่อากาศค่อนข้างดี คือไม่หนาวจนเกินไป และยังไม่เข้าหน้าร้อนดี แต่เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงแปรปรวนมาก
บางวันอากาศดีมาก แต่ก็อาจมีฝนได้โดยไม่คาดคิดในวันรุ่งขึ้น
ถึงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย เมืองที่พลิ้วแผ่วของเพลงวอล์ท บลู ดานูบ ของ โยฮันน์ สเตร้าท์ จูเนียร์(JOHANN STRAUSS JR.) ยังล่องลอยอยู่ในลมเย็น กระตุ้นให้เท้าอยากเคลื่อนไหวไปตามสเตปของจังหวะวอล์ท
แต่วันนี้ ผมจะไม่พาท่านผู้อ่านไปเที่ยวพระราชวังของราชวงศ์ฮับส์เบิร์กทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเชิร์นบรุน พระราชวังฮ๊อฟเบิร์ก หรือ พระราชวังเบลเวแดร์ และ จะไม่พาท่านผู้อ่านไปฟังคอนเสิร์ตของ โยฮันน์ สเตร้าท์ ที่ชวนฝัน
แต่จะพาท่านผู้อ่านไป “เที่ยวชม” ภัตตาคาร
ใช่ครับ ท่านผู้อ่านตาไม่ฝาดแน่ และผมเองก็เขียนไม่ผิดด้วย ขอย้ำว่า จะพาไป ชม ไม่ได้พาไป ชิม ครับ
ผมจะพาไปชมภัตตาคารที่มีชื่อว่า มาร์ชเฟลด์เดอร์ฮอฟ (MARCHFELDERHOF) ที่อยู่นอกกรุงเวียนนา
ปีค.ศ. 1809 บริเวณแถบนี้เคยเป็นทุ่งแห่งสมรภูมิวาแกรม(BATTLE OF WAGRAM) ระหว่างกองทัพของนโปเลียน แห่งฝรั่งเศส กับกองทัพของออสเตรีย ที่บัญชาการรบโดย อาร์คดยุค ชาร์ลส์(ARCHDUKE CHARLES OF AUSTRIA) แห่งออสเตรีย ซึ่งเป็นพระอนุชาของ จักรพรรดิ ฟรานซิส ที่ 2 แห่ง อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (EMPEROR FRANCIS II OF HOLY ROMAN EMPIRE)
ก่อนหน้านั้นคือในปีค.ศ. 1806 จักรพรรดิฟรานซิส ที่ 2 ได้ประกาศสลายอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไม่ให้ จักรพรรดิ นโปเลียนได้ครองตำแหน่งนี้ และทรงมีพระนามใหม่ว่า จักรพรรดิ ฟรานซิส ที่ 1 แห่งออสเตรีย
สงครามครั้งนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของออสเตรีย
จากแผ่นพับของทางร้านบอกว่า บรรพบุรุษของเจ้าของร้านได้อาศัยอยู่ในทุ่งมาร์ชเฟล์ดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งก็คือก่อนเกิดสงครามแห่งวาแกรมด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น ก็ได้เริ่มธุรกิจทำห้องพักแบบชนบท(COUNTRY INN)ขึ้น ซึ่งเน้นในเรื่องการบริการที่ดูแลใกล้ชิด และอบอุ่น เพราะเป็นธุรกิจที่สมาชิกในครอบครัวทำกันเอง
เมื่อมีแขกมาพัก ก็ย่อมแน่นอนว่าจะต้องตระเตรียมอาหารไว้ให้บริการแก่แขกด้วย และเนื่องจากในสมัยโน้น พื้นที่แถบนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า อาหารที่นำเสนอให้แก่แขกที่มาพักก็คงจะหลากหลาย และ มีเอกลักษณ์อยู่
ข้อสำคัญก็คือ รสชาติของอาหารก็คงจะอร่อยพอสมควร ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะไม่มีแขกแวะมาเยี่ยมเยือน และอุดหนุน ต่อลมหายใจให้ร้านอาหารร้านนี้คงอยู่ต่อเนื่องเรื่อยมา
ในบรรดาคนเหล่านี้ คนดังๆของโลกก็มีมากมายนับไม่ถ้วน อาทิ กษัตริย์คอนสแตนตินแห่งกรีซ , กษัตริย์ฟารุค ของอียิปต์ , พระเจ้าชาห์ แห่ง เปอร์เชีย , คล้าก เกเบิ้ล , อลิซาเบธ เทย์เลอร์ , แอนดี้ วิลเลี่ยม , , คลิฟฟ ริชาร์ด , แอนโธนี่ ควินน์ ฯลฯ
ขณะดียวกัน เจ้าของร้านอาหารรุ่นปู่ย่าตายายก็คงจะเป็นนักสะสมของเก่า หรือของที่มีความหมายต่อความทรงจำ ก็เลยมีของเก่าแก่ เก่าเก็บเหลือเป็นมรดกตกทอดมาให้แก่เจ้าของในรุ่นนี้
ร้านอาหาร มาร์ชเฟลด์เดอร์ฮอฟ จึงเป็นร้านอาหารที่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้เด่นออกมาในเรื่องการตกแต่งภายใน ที่อาจจะพูดได้ว่า ไม่อาจหาร้านอาหารใดในโลกนี้เทียบได้เลย
ดังนั้น บรรดาลูกค้าของร้านอาหารร้านนี้จึงค่อนข้างจะแตกต่างจากร้านอาหารในประเทศยุโรปทั้งหลาย ตรงที่มักจะเดินพล่านไปทั่วทั้งร้านอาหาร พร้อมด้วยกล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพบรรยากาศการตกแต่งภายในร้าน
แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ ก็ยังต้องเอากล้องถ่ายรูปเข้าไปด้วย
หากเป็นร้านอาหารอื่นๆในยุโรปเที่ยวเดินพล่านไม่ยอมนั่งกับโต๊ะแบบนี้ มีสิทธิที่จะโดนผู้จัดการร้านด่าเอาได้ แต่พนักงานเสริฟของร้านนี้ เขาไม่ว่าอะไนสักคำ เพราะเราคงไม่ใช่คนแรกที่พล่านจนไม่ยอมนั่งโต๊ะ
ที่พูดมานี้ หมายรวมถึงตัวผมเองด้วย แฮะ ๆ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงจั่วหัวไว้ตั้งแต่ต้นว่า จะพามา “ชม” ร้านอาหารไงครับ ขอเชิญทัศนาดูได้ตามอัธยาศัย แล้วกลับไปทานข้าวที่บ้านกันเองนะครับ
แต่สำหรับผู้ที่เดินทางมากับ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล ก็กลับไปทานอาหารที่โต๊ะกันต่อครับ
สวัสดี