ซอกซอนตะลอนไป 3
เส้นทางสายไหม (1)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ใกล้ถึงเดือนตุลาคมแล้ว เดือนที่เหมาะสมที่สุด หากคิดจะเดินทางไปท่องเที่ยวบนเส้นทางที่รู้จักกันดีทั่วโลก คือ เส้นทางสายไหม หรือ ที่ฝรั่งเรียกว่า SILK ROAD ที่ว่าเหมาะสมก็เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย กำลังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และที่สำคัญก็คือ ผลไม้หลากหลายบนเส้นทางสายนี้กำลังสุกได้ที่ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น แคนตาลูป ที่ชาวจีนเรียกว่า ฮามิกวา แปลว่า แตงจากเมืองฮามิ , องุ่น , ทับทิม , ลูกท้อ , สาลี่ , ส้ม และอื่นๆอีกมากมาย
ผลไม้เหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผลไม้พื้นเมืองของจีน แต่ถูกนำเข้ามาจากโลกตะวันตก คือ ยุโรป ตั้งแต่เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว และด้วยภูมิอากาศที่เหมาะสม ผลไม้เหล่านี้ก็ได้รับการขยายพันธุ์บนพื้นที่ต่างๆตามเส้นทางสายไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในทะเลทรายทะคลามะกัน หรือ ทะเลทรายโกบี ในเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเมืองหนึ่งก็คือ ทูรูฟาน (TURPAN)
เมืองทูรูฟานเป็นโอเอซีสกลางทะเลทราย ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาจาก ทะเลเดดซี ที่อยู่ในจอร์แดน และ อิสราเอล
ดูจากสภาพภูมิประเทศแล้ว ไม่น่าที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ เพราะพื้นที่แถบนี้ มีปริมาณน้ำฝนเพียงปีละประมาณ 6 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง
เรียกว่า น้ำฝนยังตกไม่ทันถึงพื้น ก็ระเหยกลายไปไอน้ำขึ้นไปเสียแล้ว
แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยใด ใครเป็นคนสร้าง ที่เป็นตัวทำให้อาณาบริเวณนี้กลายเป็น โอเอซิสที่สมบูรณ์ที่สุดกลางทะเลทราย
นั่นก็คือ อุโมงค์ส่งน้ำใต้ทะเลทราย ที่จีนเรียกว่า คานเอ๋อจิ่ง
ที่ว่ามหัศจรรย์ก็เพราะว่า ในขณะที่บนพื้นดินที่แห้งแล้งมาก จนถึงขนาดว่า ถ้าเอาน้ำสักถังราดลงไปที่พื้น น้ำจะซึมหายไปในพริบตา
แต่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 3 – 5 เมตร มีอุโมงค์ส่งน้ำที่ขุดด้วยน้ำมือมนุษย์ยาวหลายร้อยกิโลเมตรจากเทือกเขาเทียนซาน ลากยาวมาที่เมืองทูรูฟาน
ในขณะที่พื้นดินข้างบนแห้งผาก แต่ในอุโมงค์ส่งน้ำข้างล่าง กลับมีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี
ผมเคยตักน้ำขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานเป็นธรรมชาติดีจริงๆ
เมืองทูรูฟาน จึงเป็นแหล่งเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในทะเลทรายแห่งนี้ ผมไม้ที่ปลูกก็เช่น แตงโมที่หวานเฉียบ แคนตาลูป ที่เดี๋ยวนี้ก็ถูกส่งมาขายในประเทศไทยแล้ว และ องุ่นหลากหลายพันธุ์
นั่งรถผ่านไปตามหมู่บ้าน เราจะเห็นสิ่งก่อสร้างเป็นกำแพงสี่ด้านที่มีช่องระบายอากาศให้ลมผ่าน ข้างในจะแขวนพวงองุ่นที่สุกแล้วเอาไว้ ให้อากาศที่แห้งและร้อนเป็นตัวอบให้องุ่นเหล่านี้แห้งไปเองตามธรรมชาติ จนกระทั่งองุ่นแห้งสนิท จนหลุดจากขั้วตกลงมาที่พื้น
กลายเป็น ลูกเกด ชั้นดีของทูรูฟาน เพราะไม่มีเม็ด
ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม
และในทางกลับกัน กองคาราวานที่นำเอาผ้าไหมไปขายในยุโรป ก็ได้ติดเอาผลไม้ชนิดหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในยุโรปสมัยนั้นไปด้วย เมื่อไปเจออากาศ และพื้นดินที่เหมาะสม และได้รับการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งๆขึ้น
ผลไม้ที่ว่านี้ก็เลยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งยุโรป ใครไปถึงก็ต้องขอชิมดูว่าจะมีรสชาติอร่อยสมคำร่ำลือหรือไม่
ผลไม้ที่ว่าก็คือ ส้ม
ส้มดังกล่าวถูกนำไปจากประเทศจีนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ไปปลูกและพัฒนาพันธุจนกระทั่งกลายเป็นส้มพันธุ์ดี ไม่มีเม็ด และให้รสชาติที่หวานอมเปรี้ยวกำลังดี
มีชื่อเรียกขานว่า ส้มวาเลนเซีย ปลูกอยู่ในเมืองวาเลนเซีย ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในภาคตะวันออกของประเทศสเปน
(ส้มที่มีชื่อเสียงของเมืองวาเลนเซีย ของสเปน ผลผลิตจาก เส้นทางสายไหม)
ในขณะที่ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาของจีน เกิดความวุ่นวายในประเทศจนไม่มีใครคิดจะพัฒนาพันธุ์ส้มให้ดีขึ้นมา และในที่สุด สเปนก็พัฒนาพันธุ์ส้มจนล้ำหน้าจีนไปแล้ว
คุยเรื่อง เส้นทางสายไหม อยู่ดีๆ ทำไมมาจบลงที่ประเทศสเปนล่ะนี่ ตอนหน้าค่อยมาพูดถึงเส้นทางสายไหมกันต่อครับ
ใครที่อยากไปเที่ยว เส้นทางสายไหมกับผมระหว่างวันที่ 11-20 ตุลาคม ก็ติดต่อได้ที่เบอร์ 02 651 6900 ครับ
(ภาพโดย ศุภสิน คลองน้อย)
ซอกซอนตะลอนไป 3 (9 สิงหาคม 2556)