ไม่มีประเทศใดอีกแล้วที่จะรวบรวมศิลปกรรมล้ำค่า และสุดคลาสสิคเอาไว้มากเท่านี้นี่คือ คำจำกัดความสั้น ๆ ของ “อิตาลี” สถานที่ซึ่งท่านไม่อาจใช้เวลาเพียงวันหรือสองวันในการชื่นชมกับความสุนทรีย์แห่งสุดยอดโลกศิลปะได้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง โบสถ์ วิหาร จัตุรัส และธรรมชาติอันงดงาม ตั้งแต่ศิลปะของกรีกเรื่อยมาถึงไบเซนไทน์โรมานิสก์ โกธิค เรอเนสซอง ทั้งรูปปั้นที่สวยและสง่างาม ภาพเขียนที่สะท้อนจินตนาการสุดกู่ของผู้รังสรรค์ และสมบัติล้ำค่าที่สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันที่มีอายุเกือบ 2 พันปี
ใช่เพียงเท่านั้น เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นแบบทัวร์ “ศิลปวัฒนธรรม” ตามที่เราตั้งปณิธานไว้ ขอเชิญท่านลองลิ้มชิมอาหารพื้นเมืองของแคว้นแต่ละแคว้นที่รวมตัวกันเป็นประเทศอิตาลี ผสมผสานกับการบรรยายที่ให้ข้อมูลครบครันเพื่อให้ท่านได้ดื่มด่ำกับความสวยงาม และประวัติความเป็นมาของทุกสถานที่เราจึงมั่นใจว่า “โรมันฮอลิเดย์ ” จะเป็นวันเวลาแห่งความทรงจำของท่านไปอีกนานแสนนาน
ไฮไลท์
กรุงโรม (ROME) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี (บินตรง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11.54 ชั่วโมง) กรุงโรมเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1870 ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา 7 ลูก ตามตำนานเล่าว่า มีทารกฝาแฝดสองคนชื่อ “รอมิวลุส” (ROMULUS) และ “เรมุส” (REMUS) ถูกทิ้งไว้ริมแม่น้ำไทเบอร์ ทั้งสองเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของสุนัขจิ้งจอก ต่อมารอมิวลุสฆ่าเรมุสตายเพราะล้ำเส้นเขตหมู่บ้านของตน ซึ่งหมู่บ้านของรอมิวลุสต่อมาก็คือกรุงโรมนั่นเอง
ชม ซากเมืองโบราณปอมเปอี หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “นครมรณะ” (DEAD CITY) เริ่มต้นที่ศูนย์กลางของเมือง (FORUM) ซึ่งรวมเอาบรรดาอาคารใหญ่ ๆ ที่สำคัญของปอมเปอีโบราณไว้ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางการค้าทางศาสนาและการตัดสินคดีความ เป็นจัตุรัสขนาดมหึมา ปูลาดด้วยหินอ่อน และประดับประดาด้วยรูปปั้นของอดีตจักรพรรดิองค์ก่อน ๆ
พิพิธภัณฑ์วาติกัน (VATICAN MUSEUMS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังที่สร้างโดยสันตะปาปาหลายพระองค์ โดยเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา จัดแสดงงานศิลปะชิ้นสำคัญๆ ของโลกไว้มากมาย อาทิ “BELVEDERE TORSO ” อันเป็นศิลปกรรมที่ไมเคิลแองเจโลชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง และงานศิลปะชิ้นอื่นๆ อีกมากมาย
นำท่านชมปากแห่งความจริง (THE MOUTH OF TRUTH) ภาพสลักหินอ่อนรูปใบหน้าคนขนาดใหญ่ในโบสถ์ SANTA MARIA IN COSMEDIN เชื่อกันว่ารูปนี้เป็นรูปเทพเจ้าของแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ถ้าใครที่พูดไม่จริงเมื่อนำมือสอดเข้าไปในปากของรูปนี้แล้ว มือของคนนั้นจะถูกตัดขาดไป
เมืองอัสซีซี (ASSISI) (ระยะทางประมาณ 177 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) ในแคว้นอุมเบรีย ทางตะวันตกของภูเขาชูบาซิโอ (MT.SUBASIO) อัสซีซีเป็นเมืองเกิดของนักบุญที่มีชื่อเสียงอย่างน้อย 3 องค์คือ นักบุญฟรังซิส นักบุญกลารา และนักบุญกาเบรียล นำท่านชมมหาวิหารแห่งนักบุญฟรานซิส (BASILICA DI SAN FRANCESCO) มหาวิหารสามชั้น เริ่มสร้างในสมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1228
หอเอนปิซ่า (ไม่ได้ขึ้นชมภายใน) ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก สร้างโดยโบนานโน ปิซาโน (BONANNO PISANO) ในปี ค.ศ.1173 แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสร้างมาถึงชั้นที่ 3 เพราะหอเริ่มจมลงไปในดิน ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นนานถึง 90 ปี จนกระทั่งจิโอวานนี่ ดิ ซิโมเน่ (GIOVANNI DI SIMONE) กับลูกชายของแอนเดรีย พิซาโน (ANDREA PISANO) มาสร้างต่อจนเสร็จเป็นหอคอยศิลปะโรมาเนสก์ สูง 8 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นหอระฆัง มีชื่อเสียงไปทั่วโลกเมื่อกาลิเลโอทำการทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยการทิ้งวัตถุ 2 สิ่ง ที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันลงมาจากหอ ปรากฏว่าวัตถุทั้งสองตกถึงพื้นพร้อมกัน
พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซิ (UFFIZI MUSEUM) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผู้สนใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะอิตาลีตั้งแต่สมัยแรกเริ่มจนถึงศตวรรษที่ 17 จะสามารถเรียนรู้ได้จากที่นี่ เพราะเป็นสถานที่รวบรวมผลงานศิลปะของพวกตระกูลเมดิซิ (MEDICI) ซึ่งเคยปกครองฟลอเรนซ์ในช่วงศตวรรษที่ 14 – 16 กับงานศิลปะจากคอลเลคชั่นของแกรนด์ ดยุค เฟอดินันด์ที่ 1 และที่ 2 (THE GRAND DUKES FERDINAND I,II) และของคอสซิโมที่ 3 (COSIMO III)
“เกาะเวนิส” นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม STARHOTELS SPLENDID VENICE หรือระดับเดียวกัน อิสระให้ท่านได้มีเวลาเลือกซื้อสินค้า หรือถ่ายรูปในมุมที่ท่านชื่นชอบตามอัธยาศัย หรือท่านที่สนใจจะลองนั่งเรือกอนโดล่าแบบ “ซีราเนด” พร้อมนักร้องเสียงโอเปร่าร้องขับกล่อมไปด้วยก็สามารถทำได้ตามอัธยาศัย
โบสถ์ใหญ่ (DUOMO) เป็นโบสถ์ที่ใครมาถึงมิลานแล้วจะพลาดชมเสียมิได้ เป็นโบสถ์แห่งเดียวในอิตาลีที่สร้างด้วยศิลปะโกธิคตอนปลาย เป็นอาคารทรงสูงยอดแหลมคล้ายปราสาทในเทพนิยายสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ออกแบบโดยคำสั่งของ เจียน กัลเลียซ โซ วิสคอนติ (GIAN GALEAZZO VISCONTI) โดยมีช่างฝีมือจากหลายชาติร่วมกันสร้าง อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมัน และเบลเยี่ยม บานหน้าต่างบางส่วนประดับด้วยกระจกลายสี (STAINED GLASS) และบานประตูบรอนซ์หลายบานมีลวดลายแตกต่างกันด้วยฝีมือของศิลปินดัง ๆ หลายคน วิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นโปเลียนเคยใช้ทำพิธีสถาปนาตนเองเป็น “กษัตริย์แห่งอิตาลี” เมื่อ ปี ค.ศ. 1805